ต้องเน้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาคแม่น้ำโขง

(VOVworld) – บ่ายวันที่ 25 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติในกรุงฮานอย ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกแม่น้ำโขงหรือ WEF-Mekong นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้ประเมินว่า การจัดตั้งประชาคมอาเซียนเมื่อปลายปี 2015 และการพัฒนาของระเบียงคมนาคมในอนุภูมิภาคและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคกำลังเปิดบรรยากาศแห่งการพัฒนาที่กว้างขวางให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุน แต่ภูมิภาคแม่น้ำโขงกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ช่องว่างแห่งการพัฒนาระหว่างเศรษฐกิจสมาชิกในกลุ่มอาเซียนยังมีมาก จุดแข็งด้านค่าแรงงานกำลังลดลงและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนับวันรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นในการประชุมครั้งนี้ เวียดนามขอเรียกร้องให้ประเทศและผู้ประกอบการของภูมิภาคแม่น้ำโขงจะสนทนากับผู้ประกอบการของฟอรั่มเกี่ยวกับมาตรการเพื่อขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน พัฒนาความร่วมมือประกอบธุรกิจและการลงทุนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กยังเผยว่า ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในภูมิภาค บรรดาประเทศในภูมิภาคแม่น้ำโขงและอาเซียนกำลังพยายามสร้างสรรค์ตลาดร่วมในปี 2025 พร้อมทั้งย้ำว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องเป็นเป้าหมายที่ครอบคลุมและสำคัญที่สุด “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการใช้น้ำจากแม่น้ำโขงที่ไม่มั่นคงนั้นได้สร้างความท้าทายต่อสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงด้านอาหารและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคแม่น้ำโขง รวมทั้งเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งกำลังมีปริมาณการส่งออกข้าวถึง 8 ล้านตันต่อปี ดังนั้น การแก้ไขการขาดความสมดุล ผลสำเร็จของการขยายตัวและการผสมผสาน การลดช่องว่างการพัฒนาและปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030 ให้สำเร็จ ต้องเป็นเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขงและยุทธศาสต์การพัฒนาของแต่ละประเทศ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีโอกาสรับผลประโยชน์จากการพัฒนา”.