ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่6สมัยที่13ตรวจสอบรายงานสรุปภารกิจป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น

(VOVworld)–การคงไว้ชื่อประเทศคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อแสดงให้เห็นถึงการยืนหยัดเป้าหมายและเส้นทางที่พรรคและประชาชนเลือกคือ สร้างสรรค์สังคมนิยมในเวียดนาม

ที่ประชุมรัฐสภาครั้งที่6สมัยที่13ตรวจสอบรายงานสรุปภารกิจป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น - ảnh 1
นายฟานจูงลี้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม

 (VOVworld) – รายงานเกี่ยวกับการรวบรวมความคิดเห็นของผู้แทนรัฐสภาและประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญปี 1992 ฉบับแก้ไขได้ถูกเสนอโดยนายฟานจูงลี้ หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านกฏหมายของรัฐสภาในเช้าวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งมุ่งสู่การอนุมัติร่างรัฐธรรมนูญปี 1992 ฉบับแก้ไขในการประชุมครั้งนี้ รายงานดังกล่าวถูกแบ่งเป็น 12 ส่วน
            สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับชื่อของประเทศ รายงานยืนยันว่า การคงไว้ชื่อประเทศคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อแสดงให้เห็นถึงการยืนหยัดเป้าหมายและเส้นทางที่พรรคและประชาชนเลือกคือ สร้างสรรค์สังคมนิยมในเวียดนาม  เกี่ยวกับการบริหารของรัฐ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขยังคงเสนอให้คงข้อกำหนดที่ระบุอำนาจรัฐเป็นของประชาชนโดยมีพื้นฐานคือพันธมิตรระหว่างชนชั้นกรรมกรกับเกษตรกรและปัญญาชน  ประชาชนและผู้แทนรัฐสภาส่วนใหญ่ได้สนับสนุนการยืนยันบทบาทการเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข
            ในด้านเศรษฐกิจ คณะกรรมการธิการได้เห็นพ้องกันที่จะเลือกแนวทางที่กำหนดว่า เศรษฐกิจเวียดนามเป็นเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม มีเศรษฐกิจหลายภาคโดยเศรษฐกิจภาครัฐมีบทบาทเป็นแกนนำคณะกรรมาธิการเห็นว่า ในเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม บทบาทของรัฐและเศรษฐกิจภาครัฐในการเป็นผู้วางแนวทางและควบคุมเศรษฐกิจมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้อกำหนดดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของระบอบสังคมนิยมในเวียดนาม ดังนั้นรัฐธรรมนูญควรยืนยันบทบาทที่เป็นแกนนำของเศรษฐกิจภาครัฐ
เพื่อแพร่มติต่างๆของพรรคให้เป็นระเบียบการด้านกฏหมายและตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศในสภาวะการณ์ใหม่ ประชาชน ผู้แทนรัฐสภา ผู้แทนหน่วยงานและองค์การที่เกี่ยวข้องได้เห็นพ้องกับความจำเป็นที่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใหม่องค์การการปกครองระดับท้องถิ่น          ในเช้าวันเดียวกัน คณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภาได้ยื่นร่างมติที่กำหนดบางประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติรัฐธรรมนูญปี 1992 ฉบับแก้ไขในปี 2013 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ประธานประเทศลงนามประกาศใช้ 
ในรายงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการปราบปรามและต่อต้านการคอร์รัปชั่นปี 2013 ต่อรัฐสภาในเช้าวันเดียวกัน นายหวิ่งฟองแจง หัวหน้าสำนักงานการตรวจตราของรัฐบาลได้ระบุว่า ถึงแม้ว่า คดีคอร์รัปชั่นคดีใหญ่และซับซ้อนซึ่งประชามติได้จับตาหลายคดีได้ถูกดำเนินคดีอย่างทันการแต่การค้นพบและการลงโทษยังคงมีข้อจำกัด เช่น การลงโทษยังไม่เด็จขาดเข้มงวดและส่วนใหญ่เป็นการลงโทษด้านวินัยเท่านั้น
ในการตรวจสอบรายงานดังกล่าว นายเหงียนวันเหียน หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านตุลาการของรัฐสภาได้ย้ำว่า การปฏิบัติของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการ การใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามยังล่าช้าหรือขาดประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังไม่มีระเบียบการที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมความถูกต้องของการแจ้งบันชีแสดงรายการทรัพย์สินและยังไม่สามารถแก้ไขจัดการกรณีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติและเจ้าของทรัพย์สินไม่สามารถพิสูจน์ความโปร่งสัยและแหล่งที่มาที่ชอบด้วยกฏหมายของทรัพย์สินเหล่านี้ นายเหงียนวันเหียนเสนอว่า ต้องระดมพลังเพื่อเสร็จสิ้นการร่างระเบียบการและนโยบายทางกฏหมาย แก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในด้านที่ละเอียดอ่อนในการเกิดปัญหาทุจริต  ตลอดจนเพิ่มอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบและความเป็นอิสระของสำนักงานตรวจตราในการค้นพบและดำเนินกรณีคอร์รัปชั่น  รัฐบาลต้องเร่งทำการวิจัยเพื่อประกาศใช้หรือยื่นต่อรัฐสภาเพื่อประกาศระเบียบการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อตรวจสอบควบคุมทรัพย์สินและรายได้ของผู้ที่มีตำแหน่งและเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคน
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการด้านตุลาการของรัฐสภายังเผยว่า ต้องทำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมการค้นพบและเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่น./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด