ท่านฝ่ามบิ่งมินห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามมีการเจรจาทางโทรศัพท์ กับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐJohn Kerry (Photo:VOV )

(VOVworld) – เช้าวันที่๒๑เดือนนี้ ท่านฝ่ามบิ่งมินห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามได้มีการเจรจาทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐJohn Kerryเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและความผันผวนในทะเลตะวันออกโดยชื่นชมการพัฒนาของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะ ในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน และแจ้งให้ทราบว่า เวียดนามได้ตัดสินใจเข้าร่วมความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับความมั่นคงต่อต้านการเผยแพร่อาวุธที่มีอนุภาพการทำลายล้างสูงหรือPSIและชี้ชัดว่า เวียดนามพร้อมที่จะประสานกับสหรัฐในการดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมต่างๆเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐต่อไปบนเจตนารมณ์แห่งความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศ ท่านฝ่ามบิ่งมินห์ยังแจ้งให้ฝ่ายสหรัฐรับทราบเกี่ยวกับความผันผวนล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง๙๘๑ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามโดยเผยว่า จีนเพิ่มจำนวนเรืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรือติดขีปนาวุธ เรือลาดตระเวนโจมตีเร็วและเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ทำให้สถานการณ์มีความตึงเครียดยิ่งขึ้น และยืนยันว่า เวียดนามได้ใช้ความอดกลั้น ยืนหยัดสนทนา เพื่อหลีกเลี่ยงการพิพาทและยืนหยัดเรียกร้องให้จีนถอนแท่นขุดเจาะและเรือคุ้มกันเพราะนี่เป็นการกระทำที่รุกล้ำอธิปไตย อำนาจอธิปไตยและขอบเขตอำนาจทางกฎหมายของเวียดนาม คุกคามเสถียรภาพและความมั่นคงในทะเลและละเมิดอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒

            รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐJohn Kerryได้ชื่นชมเวียดนามเข้าร่วมPSIซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงคำมั่นของเวียดนามเกี่ยวกับการต่อต้านการเผยแพร่อาวุธที่มีอนุภาพการทำลายล้างสูง ขยายความมั่นคงและความปลอดภัยของการค้าโลกและสันติภาพในเอเชีย แปซิฟิก  เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก รัฐมนตรีJohn Kerryชื่นชมความอดกลั้นและความหวังดีของเวียดนามที่แสดงให้เห็นในการยืนหยัดใช้มาตรการที่สันติภาพและสนทนา ไม่ปล่อยให้ความตึงเครียดทวิความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและแสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในทะเลตะวันออกเมื่อเร็วๆนี้ และถือการที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามเป็นการกระทำยั่วยุทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคมีความตึงเตรียดยิ่งขึ้นและยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนของสหรัฐเกี่ยวกับการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกอย่างสันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒./.