นักธุรกิจฝรั่งเศสมีความประสงค์พัฒนาธุรกิจในตลาดเวียดนาม

(VOVworld) –  เมื่อวันที่๒๓เดือนนี้ ณ นครวาลเดมากเน ชาญกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสได้มีการจัดการสัมนนาในหัวข้อ“เวียดนาม–หุ้นส่วนการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยแนะนำตลาดเวียดนาม กรอบทางนิตินัย โอกาสธุรกิจ
นักธุรกิจฝรั่งเศสมีความประสงค์พัฒนาธุรกิจในตลาดเวียดนาม - ảnh 1
การสัมนนาในหัวข้อ“เวียดนาม–หุ้นส่วนการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Photo: VOV)

(VOVworld) –  เมื่อวันที่๒๓เดือนนี้ ณ นครวาลเดมากเน ชาญกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสได้มีการจัดการสัมนนาในหัวข้อ“เวียดนาม–หุ้นส่วนการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยแนะนำตลาดเวียดนาม กรอบทางนิตินัย โอกาสธุรกิจ สินค้าที่เป็นจุดแข็งของเวียดนามและเงื่อนไขการประกอบธุรกิจที่มีความสะดวกมากขึ้นหลังจากที่เวียดนามและสหภาพยุโรปหรืออียูแผนลงนามข้อตกลงการค้าทวิภาคีในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ผู้นำเขตวาลเดมากเนยังได้แนะนำตลาดฝรั่งเศส จุดแข็งและด้านที่สามารถดึงดูดนักธุรกิจเวียดนามให้ร่วมมือและประกอบธุรกิจ นายบุ่ยฮวีเซิน อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าแห่งกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามกล่าวว่า “กิจกรรมครั้งนี้เป็นการสานต่อกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำ และประชาสัมพันธ์ตลาดเวียดนาม แสวงหาโอกาสการประกอบธุรกิจและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่สถานประกอบการส่งออกของเวียดนามในตลาดฝรั่งเศสและยุโรป โดยเฉพาะ สินค้าที่เวียดนามมีจุดแข็ง เช่น สิ่งทอและเลื้อผ้าสำเร็จรูป แร่ธาตุ อุปกรณ์ไฟฟ้าและสินค้าอุโภคบริโภค เบียร์ สุรา น้ำอัดลม”

ท่านเอลีซาเบธ โรดรีเกส ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเขตวาลเดมาร์กเนเห็นว่า เพื่อให้ความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักธุรกิจเวียดนามควรศึกษาความต้องการนำเข้าสินค้าที่เป็นจุดแข็งของเวียดนาม เช่น สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ธัญญาหาร และอาหาร นอกจากนี้ นักธุรกิจของทั้งสองประเทศควรพบปะหารือมุ่งสู่การลงนามสัญญาร่วมมือด้านธุรกิจ ท่านเอลีซาเบธ โรดรีเกส กล่าวว่า“ปัจจุบันมีหุ้นส่วนฝรั่งเศสจำนวนมากให้ความสนใจและพร้อมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือประกอบธุรกิจกับบรรดาสถานประกอบการเวียดนาม แต่นี่เพียงเป็นก้าวเดินเริ่มต้นเท่านั้นและฝ่ายฝรั่งเศสต้องเสร็จสิ้นงานทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนาม การสร้างเงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อร่วมมือและแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจต้องการเวลาแต่มีบทบาทที่สำคัญต่อทั้งสองประเทศ”./.

ด่าวหยุง ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำกรุงปารีส

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด