ในการนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซีย ณ กรุงฮานอยได้กล่าวย้ำถึงบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในการชี้นำการปฏิบัติภารกิจการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ โดยได้ประสบผลงานที่น่ายินดี เช่น มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง มีการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็งและได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลก โดยเฉพาะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถธำรงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนนาย โงดึ๊กแหมง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำรัสเซียได้ย้ำว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 มีความสำคัญพิเศษต่อเวียดนาม พร้อมทั้งย้ำว่า ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประเทศเวียดนามได้ประสบผลงานที่ยิ่งใหญ่ รักษาเสถียรภาพทางการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก

ในการนี้ บรรดาผู้แทนได้หารือถึงนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์การพัฒนาของเวียดนาม รวมทั้งผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ส่วนบทวิเคราะห์ต่างๆระบุว่า บทบาทของเวียดนามได้รับการยกระดับให้สูงเด่นมากขึ้นบนเวทีโลกในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะเวียดนามได้ธำรงนโยบายการต่างประเทศที่เข้มแข็งและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก พร้อมเป็นเพื่อนและเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจของทุกประเทศ เวียดนามและรัสเซียมีความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างดีงาม

ส่วนศ.ดร. Vladimir Kolotovหัวหน้าสถาบันโฮจิมินห์ได้เผยว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 จะมีขึ้นท่ามกลางความยากลำบากต่างๆ แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงในหลายสิบปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ผู้นำเวียดนามกำลังแสวงหามาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อนำประเทศสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่อันตรายต่างๆที่ต้องทำการเลือกประเด็นที่มีความหมายชี้ขาด

ส่วนคุณ Valeria Vershinina ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์อาเซียนสังกัดสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมอสโคว์ได้เผยว่า จากดัชนีการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ นโยบายการต่างประเทศที่เข้มแข็งในเชิงรุกและส่วนร่วมของเวียดนามต่อกิจกรรมการเมืองระหว่างประเทศทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่สำคัญเท่าๆกับประเทศต่างๆในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซีย.