นาย บารัค โอบาม่า:เวียดนามเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและไม่มีใครมีสิทธิ์บังคับและตัดสินใจชะตากรรมของวน.

(VOVworld) – เวียดนามเป็นประเทศที่มีเกียรติประวัติ ในประวัติศาสตร์ ก็มีหลายครั้งที่เวียดนามไม่ได้ตัดสินชะตากรรมของตนเอง แต่ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่มีเอกราช อธิปไตย ไม่มีประเทศใดสามารถบังคับ หรือตัดสินชะตากรรมของเวียดนามได้

นาย บารัค โอบาม่า:เวียดนามเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและไม่มีใครมีสิทธิ์บังคับและตัดสินใจชะตากรรมของวน. - ảnh 1
(AFP)

(VOVworld) – เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติฮานอย นาย บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวปราศรัยต่อนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการและประชาชนในกรุงฮานอยเกือบ 2 พันคน โดยกล่าวขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นของผู้นำพรรค รัฐ รัฐบาลและประชาชนฮานอย และเผยว่า ในช่วงค่ำที่อยู่ในกรุงฮานอยได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารบุ๊นจ๋าเวียดนามหรือขนมจีนหมูย่างในถนนโบราณ 36 สาย ดื่มเบียร์ฮานอย ซึ่งบรรยากาศเป็นมิตรที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเมื่อเดินทางมาเยือนกรุงฮานอยที่มีอายุนับพันปี พร้อมทั้งกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเวียดนามและสายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากเมื่อคัดเสนอเรื่องนางเกี่ยวและบทกวี 2 ประโยคของนายพล ลี้เถื่องเกียต ( “Sông núi nước Nam Vua Nam ở. Rành rành đã định tại sách trời” ภูเขาแม่น้ำของเวียดนามโดยเกษัตริย์เวียดนามครอง ดังที่ได้จารึกไว้ในหนังสือแห่งวรรศ์) เพื่อเป็นการยืนยันถึงอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชและการเป็นตัวของตัวเองของเวียดนาม นาย โอบาม่า ได้ย้ำว่า “เวียดนามเป็นประเทศที่มีเกียรติประวัติ ในประวัติศาสตร์ ก็มีหลายครั้งที่เวียดนามไม่ได้ตัดสินชะตากรรมของตนเอง แต่ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่มีเอกราช อธิปไตย ไม่มีประเทศใดสามารถบังคับ หรือตัดสินชะตากรรมของเวียดนามได้” พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งได้ผ่านความเจ็บปวดในอดีตเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ดีงามอย่างแท้จริง “ทั้งสองประเทศเคยเป็นศัตรูในสงคราม ซึ่งสร้างอุปสรรคต่อทั้งสองฝ่าย แต่ปัจจุบันได้ช่วยกันพัฒนาความร่วมมือผ่านโครงการต่างๆเพื่อแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม เช่นการกู้กับระเบิดและการชะล้างสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน พวกเราให้คำมั่นที่จะให้การช่วยเหลือเวียดนามในระดับสูงสุด ผมเชื่อมั่นต่อกระบวนการไกล่เกลี่ยระหว่างกันที่นำโดยชาวเวียดนามและชาวอเมริกันหลายคน ผมคิดถึงทหารผ่านศึก เช่นสมาชิกวุฒิสภา John Mcain รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์นแคร์รีและทหารผ่านศึกเวียดนามหลายคนที่มีส่วนร่วมต่อกระบวนการนี้ พวกเราใกล้ชิดกันมากขึ้นทั้งในด้านการค้า การลงทุนและการศึกษา เวียดนามได้เข้าร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เมื่อก่อนเผชิญหน้ากัน แต่ปัจจุบันร่วมกันรักษาสันติภาพของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ผมยืนอยู่ที่นี่และมีความคาดหวังเกี่ยวกับอนาคตของทั้งสองประเทศ”

นาย บารัค โอบาม่า:เวียดนามเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและไม่มีใครมีสิทธิ์บังคับและตัดสินใจชะตากรรมของวน. - ảnh 2
(AFP)

ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ยังเปิดเผยว่า สงครามเวียดนามคือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของโลก  จากการเป็นศัตรู ได้กลายเป็นหุ้นส่วนและมิตรที่ดี พร้อมให้คำมั่นว่า สหรัฐจะช่วยเหลือเวียดนามพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ หนึ่งในคำมั่นที่เข้มแข็งที่สุดของสหรัฐ คือให้การช่วยเหลือเวียดนามผลักดันการเข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี ในการกล่าวถึงความปลอดภัยในการเดินเรือ ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้แสดงความเห็นว่า “ความเป็นระเบียบของโลกต้องมีพื้นฐาน อธิปไตยของทุกประเทศต้องได้รับความเคารพ ประเทศใหญ่ไม่มีสิทธิ์ข่มขู่ประเทศเล็ก ทุกข้อพิพาทต้องได้รับการแก้ไขบนพื้นฐานกฎหมายสากลและการสนทนาอย่างสันติ พวกเราต้องสร้างกลไกภูมิภาคที่ความร่วมมือเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องได้รับการผลักดัน สำหรับปัญหาในทะเลตะวันออก พวกเราจะร่วมกับหุ้นส่วนต่างๆให้ความสำคัญต่อหลักการขื้นพื้นฐานคือเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน”
ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้ยืนยันว่า การที่สหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรด้านอาวุธต่อเวียดนามเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ปรับให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว สหรัฐจะให้การช่วยเหลือเวียดนามเพื่อรักษาสันติภาพ ความปลอดภัยในการเดินเรือ ต่อต้านโจรสลัดและกิจกรรมช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล
สำหรับเยาวชน ประธานาธบดี บารัค โอบาม่า ให้ความสำคัญต่อจิตใจแห่งการสร้างฐานะใหม่ของเยาวชนเวียดนาม  โดยเวียดนามเป็นประเทศที่มีจำนวนนักเรียนและนักศึกษาที่เรียนในสหรัฐมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐให้คำมั่นที่จะให้การช่วยเหลือด้านการศึกษาให้แก่เวียดนาม มอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนและนักวิชาการมากขึ้น นาย บารัค โอบาม่า ได้ยืนยันว่า “เยาวชนเวียดนามกำลังมีโอกาสเพื่อพัฒนาประเทศ และสหรัฐมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างทุกคน ต่อมา เมื่อเยาวชนเวียดนามได้ร่วมกับเยาวชนสหรัฐศึกษาและร่วมมือ พวกคุณจะจดจำวินาทีนี้” นาย บารัค โอบาม่า ได้คัดเสนอประโยคในเรื่องนางเกี่ยวของกวี เหงียนยู( “Rằng trăm năm cũng từ đây.Của tin gọi một chút này làm ghi” เวลาร้อยปีนับตั้งแต่บัดนี้ สิ่งที่ยืนยันนั้นก็ถือเป็นคำมั่นให้จดจำ) เพื่อเป็นการยืนยันถึงคำมั่นของสหรัฐ และสรุปบทสุนทรพจน์ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด