นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้ง ประชุมกับผู้บริหาร 13 จังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
(VOVWORLD) - บ่ายวันที่ 12 สิงหาคม ร นครเกิ่นเทอ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ประชุมกับผู้บริหารกระทรวง หน่วยงานและผู้บริหาร 13 จังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาดินถล่มในเขตริมฝั่งแม่น้ำและทะเล
 ภาพการประชุม |
ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงเป้าหมายหลักคือ ต้องควบคุมปัญหาดินถล่มและน้ำท่วมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงให้ได้ พัฒนา ปกป้องและใช้ผลประโยชน์จากป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างประหยัด ผลักดันการผลิตและประกอบธุรกิจ สร้างงานทำให้แก่ชาวท้องถิ่น อนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยกำชับให้ทางการท้องถิ่นต่างๆ ต้องส่งเสริมและระดมแหล่งพลังจากประชาชนเพื่อควบคุมปัญหานี้ให้ได้ในเฉพาะหน้าและในระยะยาว
ในระยะยาว จำเป็นต้องปฏิบัติการวางผังได้เป็นอย่างดี ประเมินสาเหตุของปัญหาดินถล่มเพื่อมีมาตรการแก้ไขที่สอดคล้อง มีประสิทธิภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งระดมแหล่งพลังจากรัฐและมีกลไกนโยบายที่สอดคล้องเพื่อสามารถระดมแหล่งพลังจากสังคมได้อย่างเต็มที่ในการลงทุนให้แก่โครงสร้างพื้นฐานรับมือปัญหาดินถล่มเขตริมฝั่งทะเล
ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ประชุมกับผู้บริหารจังหวัดด่งท้าป โดยกำชับถึงเป้าหมายคือ ต้องพัฒนาจังหวัดด่งท๊าปอย่างรวดเร็ว รอบด้าน ครอบคลุมและยั่งยืน ธำรงความมีเสถียรภาพด้านการเมืองและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม ผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชาเพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาแนวทางการต่างประเทศของเวียดนาม สร้างสรรค์จังหวัดด่งท้าปให้เป็นจังหวัดแบบอย่าง มีชนบทที่ทันสมัย การเกษตรเชิงนิเวศและเกษตรกรที่มีอารยธรรมบนพื้นฐานคือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม เน้นถึงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น ดังนั้น ทางจังหวัดฯ ควรผลักดัน 3 พลังขับเคลื่อนแห่งการขยายตัวคือการลงทุน การบริโภคและการส่งออก ใช้ศักยภาพจากตลาดภายในประเทศและต่างประเทศอย่างเต็มที่ ผลักดันการเบิกจ่ายเงินทุนภาครัฐเพื่อแก้ไขอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ สนับสนุนการผลิตและประกอบธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามเป็นสมาชิกเพื่อขยายตลาดการส่งออก เร่งเสร็จสิ้นและอนุมัติแผนการวางผังของจังหวัด ผลักดันการเชื่อมโยงในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงกับนครโฮจิมินห์และการลงทุนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ปฏิรูประเบียบราชการและปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อำนวยความสะดวกให้ประชาชนย้ายที่อยู่อาศัยมายังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำป่าไหลหลาก เป็นต้น.