ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า อาเซียนควรเสริมสร้างความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ เชิดชูจิตใจแห่งเอกราช การพึ่งตนเอง ส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลาง ธำรงความสมดุลย์เชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่างๆ สร้างสรรค์และส่งเสริมวัฒนธรรมการสนทนา ความร่วมมือในการทาบทามความคิดเห็น สร้างความไว้วางใจ อาเซียนต้องยืนหยัดจุดยืนเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงความมั่นคงและการพัฒนาที่ถูกระบุในกฎบัตรอาเซียน   สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ TAC  มุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะเชิดชูการให้ความเคารพกฎหมายสากล พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนของอาเซียนต่อปัญหาในภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน โดยย้ำว่า การรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย เสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออกเป็นผลประโยชน์และความรับผิดชอบของทุกประเทศ เสนอให้อาเซียนยืนหยัดเป้าหมายการช่วยเหลือเมียนมาร์ในการปฏิบัติฉันทามติ  5 ข้อเพื่อประชาชนเมียนมาร์ สนับสนุนอินโดนีเซีย  ซึ่งเป็นประธานอาเซียนและทูตพิเศษในการส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้เดินหน้าในการปฏิบัติเป้าหมายดังกล่าว อาเซียนต้องธำรงวิธีการเข้าถึงอย่างมีภาวะวิสัย สมดุลย์และมีความรับผิดชอบในปัญหารัสเซีย-ยูเครน ประสานงานกับหุ้นส่วนต่างๆเพื่อลดผลกระทบจากการปะทะต่อภูมิภาค มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา  นี่เป็นกิจกรรมสุดท้ายของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ในกรอบการเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 42.