นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ พบปะทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศรวมทั้งสส.ญี่ปุ่น

(VOVWORLD) -ในบ่ายวันที่ 21 พฤษภาคม ณ เมืองฮิโรชิมา นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งห์ได้มีการพบปะสำคัญกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น  ประธานาธิบดีบราซิล  ประธานาธิบดียูเครน  และสส.ญี่ปุ่นในเขตเลือกตั้งฮิโรชิมา
นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ พบปะทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศรวมทั้งสส.ญี่ปุ่น - ảnh 1

ในการพบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ผู้นำรัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันเกี่ยวกับแนวทางหลักและมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กว้างลึกเวียดนาม - ญี่ปุ่นเพื่อสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียพัฒนาไปสู่ระดับใหม่ ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะประสานจุดยืนของตนในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกันในฟอรั่มพหุภาคีและภูมิภาค  สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ผู้นำทั้งสองท่านได้ย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือ และการบินและแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ก่อนการพบปะ นายกรัฐมนตรีเวียดนามและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารโครงการโอดีเอ 3 โครงการ มูลค่ารวม 61พันล้านเยน.

นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ พบปะทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศรวมทั้งสส.ญี่ปุ่น - ảnh 2

ในการพบปะกับประธานาธิบดีบราซิล นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งห์ได้ ยืนยันว่าเวียดนามให้ความสำคัญและปรารถนาที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมกับบราซิลซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของเวียดนามในภูมิภาค เสนอให้บราซิลสนับสนุนและส่งเสริมการเริ่มต้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับตลาดร่วมอเมริกาใต้ (MERCOSUR) ประสานงานและสนับสนุนกันต่อไปในกรอบพหุภาคีต่อไป เวียดนามพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและบราซิล ในส่วนของประธานาธิบดีบราซิล ก็แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของเวียดนามในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเสนอให้ทั้งสองประเทศส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การเกษตร การพบปะระดับประชาชน และการประสานงานในองค์กรระหว่างประเทศ

ส่วนในการพูดคุยกับประธานาธิบดียูเครน นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งห์ได้ย้ำว่าเวียดนามให้ความสำคัญกับมิตรภาพดั้งเดิมและความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ เวียดนามได้ให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครนและพร้อมที่จะช่วยดำเนินกระบวนการหาทางออกที่สันติอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเคารพผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของทุกฝ่าย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด