นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน2023 (ASEAN BIS)

(VOVWORLD) -บ่ายวันที่4 กันยายน นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ ได้เข้าร่วมและกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้2023 (ASEAN BIS) ซึ่งเป็นกิจกรรมแรกในกรอบกิจกรรมของนายกรัฐมนตรีที่ประเทศอินโดนีเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน2023 (ASEAN BIS) - ảnh 1

ในเวลาที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนของอาเซียนเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักธุรกิจในภูมิภาคเพื่อดำเนินการเจรจาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เสนอแนวทางและมาตรการต่างๆเพื่อสร้างประโยชน์ระยะยาวต่อนักธุรกิจและประชาชน

นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ได้กล่าวปราศรัยย้ำว่าอาเซียนมีหน้าที่ต้องยืนยันการเป็น"ขั้วหนึ่งในโลกหลายขั้ว" เป็นศูนย์กลางของความร่วมมือและของโครงสร้างในภูมิภาค และอาเซียนมีศักยภาพอย่างเต็มที่ในการรับปฏิบัติภารกิจดังกล่าว อาเซียนต้องรวบรวมและเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียว รักษาหลักการ จุดยืน และทัศนะร่วมกัน รักษาความสมดุลทางยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและประเทศหุ้นส่วน อาเซียนจำเป็นต้องรักษาคำมั่นในระยะยาวในการเปิดตลาดและส่งเสริมการค้าและการลงทุน ส่งเสริมข้อตกลงการค้าเสรีและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก

นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ได้ย้ำว่า รัฐบาลและภาคธุรกิจต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งเสริมและให้ความสำคัญต่อเสียงพูดของนักธุรกิจ มีความจำเป็นต้องเสริมสร้างการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อทั่วทั้งภูมิภาค อาเซียนร่วมกันสร้างทรัพยากรมนุษย์คุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงแห่งสีเขียว และเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงผลิตภาพแรงงานและความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค กล่าวถึงความรับผิดชอบของเวียดนาม นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ได้ย้ำว่าในฐานะหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและสมาชิกที่กระตือรือร้น เวียดนามจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับอินโดนีเซียและประเทศอาเซียนอื่น ๆ เพื่อสร้างประชมคมอาเซียนที่เป็นเอกภาพ พึ่งตนเอง และพัฒนา  มีส่วนช่วยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาร่วมกันในภูมิภาคและในโลก ผมเชื่อว่าเราจะตามทันกระแสพัฒนาใหม่ รับมือความท้าทายอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายการฟื้นตัวของการเติบโตในระยะสั้นและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว การใช้โอกาสในการพัฒนาใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนและประชาคมอาเซียนตลอดจนภาคธุรกิจอีกด้วย.                                                                             
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด