ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นาย ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกมีวิธีการเข้าถึงประชาชนทุกคนและมาตรการระดับโลก พยายามเพื่อให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด พร้อมทั้งเรียกร้องให้เพิ่มทักษะความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนอย่างทันการณ์และเท่าเทียมกัน เพิ่มทักษะความสามารถในการตรวจรักษาโรค การพยากรณ์ เทคโนโลยี ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเพิ่มทักษะความสามารถในการผลิตวัคซีน ยารักษาโรคและช่วยเหลือด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่บรรดาประเทศที่กำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา เชิดชูลัทธิพหุภาคี ความสมัคคีในโลกและความพยายามของทุกประเทศในการป้องกันและรับมือโรคระบาด อีกทั้งยืนยันว่า เวียดนามสนับสนุนคำเรียกร้องของประชาคมโลกเกี่ยวกับการระบุความมั่นคงด้านสาธารณสุขโลกเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในระเบียบวาระการประชุมเพื่อป้องกัน เตรียมรับมือโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพบนเจตนารมณ์แห่งการดูแลและปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยก่อนอื่นคือเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนและไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ที่ประชุมได้อนุมัติแถลงการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับความพร้อมป้องกันและรับมือโรคระบาด โดยตัดสินใจว่า จะจัดการประชุมระดับสูงของสหประชาชาติเกี่ยวกับความพร้อมป้องกันและรับมือโรคระบาดในปี 2026 เพื่อประเมินการปฏิบัติแถลงการณ์นี้อย่างรอบด้าน

การจัดการประชุมนี้เป็นความคิดริเริ่มของเวียดนามและบางประเทศ ซึ่งได้รับการอนุมัติในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาในการเตรียม ป้องกันและรับมือกรณีสาธารณสุขฉุกเฉินในระดับประเทศ ภูมิภาคและโลกอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อปี 2020 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้อนุมัติการกำหนดให้วันที่ 27 ธันวาคมเป็นวันเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดสากลตามข้อเสนอของเวียดนาม  ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งได้ให้การต้อนรับและมอบเหรียญอิสริยาภรณ์มิตรภาพของรัฐเวียดนามให้แก่นาง Aurélia Nguyễn ผู้อำนวยการองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนหรือกาวี.