นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก พบปะกับประธานสภาล่างเบลเยียม (vietnamplus)

ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ประเมินว่า เวียดนามและเบลเยียมต้องพยายามใช้ศักยภาพในหลายด้านอย่างเต็มที่ เช่นการศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การขนส่งทางทะเลและพลังงานสะอาด ประธานสภาล่างเบลเยี่ยม  Siefried Bracke ได้สนับสนุนและยืนยันว่า จะพยายามผลักดันให้มีการลงนามและให้สัตยาบันข้อตกลงอีวีเอฟทีเอโดยเร็ว อีกทั้งแสดงการสนับสนุนต่อจุดยืนของเวียดนามในปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลก ตลอดจนการประสานงานระหว่างสองประเทศในฟอรั่มพหุภาคี เช่นสหประชาชาติ

ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้พบปะกับสถานประกอบการชั้นนำของอียูและเบลเยียมกว่า 40 แห่งที่กำลังประกอบธุรกิจและลงทุนในเวียดนาม

วันที่18ตุลาคม   นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้ให้การต้อนรับนาย Steven Vanackere อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเบลเยี่ยมและประธานกลุ่มส.ส.พรรคคริสเตียนเดโมแครตแห่งวุฒิสภาเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมต่อการขยายความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคี โดยชื่นชมข้อเสนอของนาย Steven Vanackere เช่น การขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการพัฒนาอย่างยั่งยืน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยยี การแลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นต้น พร้อมทั้ง เผยว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพความร่วมมือมากมาย โดยเฉพาะ ในด้านอุตสาหกรรมการแปรรูปและการเกษตร ซึ่งเป็นจุดแข็งของเวียดนาม   อีกทั้ง ย้ำว่า การที่คณะกรรมาธิการยุโรปอนุมัติการยื่นเสนอข้อตกลงเอฟทีเอกับเวียดนามต่อสภายุโรปและรัฐสภายุโรปเป็นข่าวดีเพราะข้อตกลงนี้นำผลประโยชน์มาให้แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย.

ก่อนหน้านั้น เมื่อค่ำวันที่ 16 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ให้การต้อนรับผู้บริหารของกลุ่มบริษัท Solveigh และ Nijhuis ซึ่งมีประสบการณ์ในการรับมือปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง การสำรวจและใช้น้ำของเนเธอร์แลนด์ โดยในปัจจุบัน  ทางบริษัทกำลังวิจัยและร่วมมือปฏิบัติโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในภาคกลางเวียดนาม ในการนี้ นาย เหงียนซวนฟุก ได้ย้ำว่า รัฐบาลเวียดนามมีความประสงค์ว่า หุ้นส่วนเนเธอร์แลนด์จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สนับสนุนแหล่งบุคลากร เงินทุนและเทคโนโลยีให้แก่เวียดนามต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน โดยเฉพาะการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ตลิ่งริมแม่น้ำและการทรุดตัวของดิน รับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ประชาชนและท้องถิ่นพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมอย่างยั่งยืน.