นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมประจำเดือนกันยายนกับ 63 จังหวัดและนครทั่วประเทศ

ในการกล่าวปราศรัยเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ประเทศได้ผ่านไตรมาสที่ 3ของปี 2023 แล้ว ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ทั้งในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน มีทั้งโอกาสและความท้าทาย แต่ภายใต้การชี้นำของพรรคและการบริหารอย่างเคร่งครัดของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี การเข้าร่วมของทั้งระบบการเมือง ชุมชนสถานประกอบการและประชาชนทั่วประเทศจึงได้บรรลุผลงานที่น่ายินดี โดยผลงานของเดือนหน้าดีกว่าเดือนก่อน ผลงานของไตรมาสหน้าสูงกว่าไตรมาสก่อนและบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อ การเติบโตได้รับการส่งเสริมและค้ำประกันความสมดุลที่สำคัญ หนี้สาธารณะ หนี้รัฐบาล หนี้ต่างประเทศและการใช้จ่ายเกินดุลได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี สวัสดิการสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการค้ำประกัน สถานะและชื่อเสียงของเวียดนามยังคงได้รับการเสริมสร้างและยกระดับอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ย้ำว่า

“เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนก็จะสิ้นสุดปี 2023 ภารกิจที่เหลือหนักหน่วง ยากลำบากและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศยังมีสัญญาณการฟื้นตัวในเชิงบวก ผมขอเสนอให้หน่วยงานและท้องถิ่นทุกระดับประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพบนเจตนารมณ์ของหน้าที่และภารกิจของตน มีความกระตือรือร้น เป็นฝ่ายรุก ทันเวลา ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมอบหมายหน้าที่ให้ชัดเจนเพื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย”

ในการอ่านรายงานต่อที่ประชุม นาย เหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้เผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในเดือนกันยายน ไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2023 ยังคงมีแนวโน้มของการฟื้นตัวในเชิงบวก การขยายตัวจีดีพีใน 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.24 ติดกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูงชั้นนำของโลก องค์กรระหว่างประเทศยังคงประเมินเวียดนามในเชิงบวกต่อไป โดยธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียหรือ ADB คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในระยะสั้นของเวียดนามจะฟื้นตัว โดยเฉพาะ ดัชนีนวัตกรรมโลกหรือ GII ปี 2023 เวียดนามอยู่อันดับที่ 46 จาก 132 ประเทศและเศรษฐกิจ เลื่อนขึ้น 2 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2022

ในการกล่าวปราศรัยสรุปการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงหน้าที่และมาตรการแก้ปัญหาในเวลาที่จะมาถึง เช่น การบริหารที่คล่องตัวในเชิงรุก พร้อมเพรียงและสอดคล้องระหว่างนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายการคลัง สกุลเงิน ส่งเสริมการเบิกจ่ายเงินลงทุนสาธารณะ การฟื้นฟูการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติโครงการเป้าหมายแห่งชาติให้ประสบความสำเร็จ ค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงาน สินค้าที่จำเป็น และความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ ส่งเสริมการปฏิรูประเบียบราชการและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของประเทศ.