การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยาและแม่โขง หรือACMECSครั้งที่๕ (Photo:Internet)

นายกรัฐมนตรีเวียดนามNguyễn Tấn Dũngกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยาและแม่โขง หรือACMECSครั้งที่๕ (Photo:Internet)

หลังจากที่ชื่นชมข้อเสนอของเวียดนามเกี่ยวกับกิจกรรมร่วมมือในอนาคตของACMECS บรรดาผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมได้อนุมัติแถลงการณ์เวียงจันทน์และแผนปฏิบัติACMECSช่วงปี๒๐๑๓ถึงปี๒๐๑๕บนเจตนารมณ์ของการเชื่อมโยงความร่วมมือACMECSกับกระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี๒๐๑๕และปฏิบัติแผนพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จเกี่ยวกับการเชื่อมโยงอาเซียน เพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขัน บทบาทและสถานะของประเทศACMECSในการผลิตสินค้าเพื่อป้อนให้แก่โลก  เช้าวันเดียวกัน ท่านNguyễn Tấn Dũng ได้มีพบปะกับนางสาวยิ่งลักษณ์ จินวัตร์นายกรัฐมนตรีไทยและรองประธานาธิบดีพม่าSai Mauk Kham ท่านNguyễn Tấn Dũng และนางสาวยิ่งลักษณ์ จินวัตร์ได้เห็นพ้องกันว่า จะชี้นำกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศวางขั้นตอนการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับไทยและผลักดันระเบียบการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างสองประเทศในปี๒๐๑๓และย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของแหล่งน้ำในแม่น้ำโขง  ประสานและให้การสนับสนุนจุดยืนร่วมของอาเซียนที่ได้ระบุในแถลงการณ์เกี่ยวกับหลักการ๖ข้อเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก    ในการพบปะกับรองประธานาธิบดีพม่า ท่านNguyễn Tấn Dũng ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างและขยายสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานและความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นกับพม่า และสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้พม่าปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนในปี๒๐๑๔ให้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า พม่า จะเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงโดยเร็ว ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า จะขยายการแลกเปลี่ยนคณะ และการพบปะระดับสูง ขยายความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆและการพบปะสังสรรค์ประชาชน ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้บรรลุอย่างเข้มแข็ง และเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่๕๐๐ล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๕   หลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุมระดับสูงต่างๆในกรุงเวียงจันทน์ ท่านNguyễn Tấn Dũng ได้เดินทางไปเยือนแขวงต่างๆทางภาคเหนือของลาว .

นายกรัฐมนตรีเวียดนามNguyễn Tấn Dũngและนางสาวยิ่งลักษณ์ จินวัตร์นายกรัฐมนตรีไทย (Photo:Internet)

ก่อนหน้านั้นบ่ายวันที่๑๒มีนาคม ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ท่านNguyễn Tấn Dũngนายกรัฐมนตรีเวียดนามและสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ท่านSai Mauk Kham รองประธานาธิบดีพม่าและท่านLê Lương Minh เลขาธิการอาเซียนได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนามหรือCLMV ครั้งที่๖โดยได้ให้คำมั่นว่า จะขยายสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านาน เพื่อนบ้านที่ดีและประสานผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่าง๔ประเทศประเมินการปฏิบัติโครงการและแผนปฏิบัติการนับตั้งแต่การประชุมCLMVครั้งที่๕ ณ กรุงพนมเปญ เมื่อปี๒๐๑๐และอภิปรายถึงแนวทางความร่วมมือในอนาคตเพื่อลดช่องว่างของการพัฒนาระหว่าง๔ประเทศกับประเทศอาเซียนที่เหลือและความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายพัฒนาประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕  ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันว่า ควรขยายความร่วมมือในอนาคตโดยเน้นผลักดันความร่วมมือทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ปฏิบัติข้อตกลงฉบับต่างๆที่ได้ลงนามในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีระหว่างปรเทศต่างๆ ปฏิบัติรูปแบบ“one stop service ”ที่จุดผ่านแดนต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กิจกรรมการค้าและการลงทุน ปฏิบัติขั้นตอนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียน และแผนการแบบเบ็ดเสร็จเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเพื่อผลักดันกระบวนการผสมผสานในอาเซียนอย่างทันการณ์ ขยายการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ใช้ประโยชน์ระเบียงต่างๆในภูมิภาคให้ดีที่สุด เช่น ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก ระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้ ระเบียงชายฝั่งทะเลทิศใต้ อำนวยความสะดวกให้แก่การคมนาคมบนเส้นทางที่เชื่อมลาว พม่ากับเวียดนามและผลักดันการปฏิบัติข้อตกลงพหุภาคีCLMVเกี่ยวกับการบริการการบิน ในการนี้ ท่านNguyễn Tấn Dũngได้เสนอให้ผลักดันความร่วมมือระหว่าง๔ประเทศในด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวและย้ำว่า รัฐบาลแต่ละประเทศควรพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน ประกอบธุรกิจให้ดขึ้นและปฏิบัติข้อตกลงและพันธกรณีเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้แก่การค้า และการลงทุนที่ได้ลงนามทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีอย่างเคร่งครัด และเสนอว่า ควบคู่กับการเน้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมให้มีความสมบูรณ์ ปฏิบัติรูปแบบ“one stop service” ที่จุดผ่านแดนต่างๆ ประเทศต่างๆควรให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการฝึกอบรมบุคลกร ขยายโครงการร่วมมือฝึกอบรมกับองค์การระหว่างประเทศและหุ้นส่วนพัฒนาต่างๆในเชิงรุก และยืนยันถึงคำมั่นสัญญาที่เข้มแข็งของเวียดนามต่อความร่วมมือCLMV และแสดงความประสงค์ว่า รัฐบาลของทั้ง๔ประเทศจะประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อปฏิบัติโครงการร่วมมือต่างๆในอนาคตให้เป็นผลสำเร็จ

การประชุมระดับสูงเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนามหรือCLMV ครั้งที่๖(Photo:Internet)

บ่ายวันเดียวกัน ท่านNguyễn Tấn Dũngได้กล่าวปราศรัยเปิดการประชุมเขตสามเหลี่ยมพัฒนาโดยยืนยันว่า ความร่วมมือเขตสามเหลี่ยมพัฒนาลาว เวียดนาม และกัมพูชาได้รับการผลักดันอย่างเข้มแข็งต่อไปและได้ประสบผลสำเร็จสำคัญในหลายด้าน เช่น ความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจและสังคม มีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น และเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างจังหวัดขายแดนต่างๆ ท่านNguyễn Tấn Dũng ย้ำว่า“เพื่อให้ความร่วมมือระหว่างกัมพูชา ลาวและเวียดนามมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสมกับศักยภาพของภูมิภาคและความสัมพันธ์ระหว่าง๓ประเทศ รัฐบาลของทั้ง๓ประเทศควรมีก้าวเดินที่เข้มแข็งและเด็ดขาดยิ่งขึ้น เมื่อ๒ปีก่อน พวกเราได้ปรับปรุงแก้ไขแผนพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่และความต้องการของการพัฒนาของเขตสามเหลี่ยมพัฒนา  ที่ประชุมครั้งนี้ พวกเราร่วมกันอภิปรายเพื่อวางแนวทางชี้นำ จัดการประชุมหารือและปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับทักษะการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการดึงดูดการลงทุนและความช่วยเหลือจากภายนอกของ๑๓จังหวัดในภูมิภาค”   ที่ประชุมเห็นว่า ควรลงทุน สอดแซกโครงการที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเขตสามเหลี่ยมพัฒนาและแผนปฏิบัติการในกรอบของความร่วมมืออนุภูมิภาคแม่น้ำโขงและอาเซียน สร้างพื้นฐานเพื่อให้ภูมิภาคสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆเพื่อสามารถมีส่วนร่วมในตลาดโลกได้  ที่ประชุมเน้นถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายความเชื่อมโยงท้องถิ่นต่างๆในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคกับระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ อำนวยความสะดวกให้แก่การสัญจรไปมาของคนและสินค้า พัฒนาแหล่งแรงงานที่มีคุณภาพสูงเพื่อรองรับโครงการลงทุนต่างๆในภูมิภาค  เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นลง นายกรัฐมนตีของทั้งสามประเทศได้ลงนามแถลงการณ์ร่วม ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะผลักดันเขตสามเหลี่ยมพัฒนาเป็นตัวอย่างของความร่วมมือเพื่อการพัฒนา./.