นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรี

ในการกล่าวปราศรัยในพิธี นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้แสดงความประสงค์ที่จะได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพจากบรรดาเอกอัครราชทูตหัวหน้าคณะผู้แทนขององค์การระหว่างประเทศและเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ “ท่ามกลางบรรยากาศแห่งไมตรีจิตมิตรภาพ ผมอยากกล่าวถึงความปรารถนาเกี่ยวกับเอกราชและเสรีภาพในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช อำนาจการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชาติเวียดนามและปัจจุบัน จากการสานต่อคนรุ่นก่อน    ประชาชนเวียดนามมีความประสงค์เกี่ยวกับสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง การพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจต่างๆในโลกตามความปรารถนาสุดท้ายของประธานโฮจิมินห์  ซึ่งรัฐบาลเวียดนามได้กำหนดแนวทาง “ ระเบียบวินัย ความโปร่งใส การปฏิบัติ ความคิดสร้างสรรค์ ก้าวกระโดดและประสิทธิภาพ” โดยเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สถานประกอบการ ผลิตภัณฑ์และการบริการ การสร้างสรรค์รัฐบาลที่ซื่อสัตย์และโปร่งใส สร้างบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจเพื่อส่งเสริมความไว้วางใจของประชาชน สถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศ”

นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้เผยว่า ในปี 2020 เวียดนามจะจัดกิจกรรมที่สำคัญต่างๆและเป็นปีสุดท้ายในการปฏิบัติแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในช่วงปี 2016 –2020 ผ่านการกำหนดเป้าหมาย หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เตรียมความพร้อมให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะใหม่ ในปี 2020 เวียดนามจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนและสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในช่วงปี 2020 -2021 นี่เป็นความภาคภูมิใจและเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่ประชาคมโลกมอบหมายให้แก่เวียดนาม

สำหรับสถานการณ์โลก นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้เผยว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวแต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ลัทธิการคุ้มครอง การแข่งขันด้านการค้าและเทคโนโลยีระหว่างเศรษฐกิจใหญ่ เป็นต้น โดยต้องการให้ประเทศต่างๆมีความรับผิดชอบในการรักษาสันติภาพและการพัฒนา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆต้องได้รับการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของหลักการแห่งความเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของแต่ละฝ่าย ทุกปัญหาการพิพาทต้องได้รับการแก้ไขผ่านมาตรการสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล.