(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่านเหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นาง เออร์นา โซลเบิร์ก นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 16-18 เมษายน ซึ่งในการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านหลังพิธีต้อนรับเมื่อเช้าวันที่ 17 เมษายน นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อการขยายความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือกับบรรดาประเทศเพื่อนมิตรที่มีมาช้านาน รวมทั้งประเทศนอร์เวย์ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า การเยือนครั้งนี้จะมีส่วนร่วมยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

ส่วนในการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านเผยว่า ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพและจุดแข็งที่จะสนับสนุนกันเพื่อขยายความร่วมมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเอื้อประโยชน์ต่อกัน พร้อมทั้งเห็นพ้องกันว่า จะผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ ปฏิบัติกลไกการเจรจาด้านการเมืองที่มีอยู่ต่อไป ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง – กลาโหม ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการและนักลงทุนทั้งสองประเทศเพิ่มการพบปะและศึกษาตลาดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะผลักดันให้เสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับเขตการค้าเสรียุโรปหรืออีเอฟทีเอในปี 2015 สร้างกรอบนิตินัยเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่ายในเวลาข้างหน้า

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า จะขยายความเชื่อมโยงในการฝึกอบรมระหว่างมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยโดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ – เทคโนโลยี ปิโตรเลี่ยม พลังงาน สัตว์น้ำ การบริหารการเกษตร สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งผลักดันการพบปะแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความเข้าใจกันระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อมุ่งสู่การฉลองครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับนอร์เวย์ในปี 2016

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นในฟอรั่มพหุภาคีและองค์การระหว่างประเทศ เวียดนามชื่นชมความพยายามของนอร์เวย์ในการขยายความร่วมมือกับอาเซียนในเวลาที่ผ่านมาและมีความประสงค์ว่า ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในด้านที่เป็นจุดแข็งของนอร์เวย์และด้านที่อาเซียนให้ความสนใจเป็นพิเศษ เช่น ความเชื่อมโยง การลดช่องว่างของการพัฒนา ความมั่นคงในการเดินเรือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความมั่นคงของแหล่งน้ำ

นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านยังหารือเกี่ยวกับปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ โดยย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องแก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธี ตามกฎหมายสากล กฎบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และการที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเสร็จสิ้นการจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว โดยถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง การเดินเรือ การบินและการค้าอย่างเสรีและปลอดภัยในทะเลตะวันออก

ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศเวียดนาม ท่านเหงียนซิงหุ่ง ประธานรัฐสภาและกล่าวปราศรัยเปิดการสัมมนานานาชาติ “จากเป้าหมายการพัฒนาสหัสวรรษสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน – ต่อยอดผลสำเร็จของเวียดนามในระเบียบวาระการประชุมว่าด้วยการพัฒนาหลังปี 2015”./.