ท่าน Nguyen Phu Trong เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (Photo Internet)

(VOVworld) - การประชุมคณะกรรมการส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ ๑๑ ได้ปิดลง ณ กรุงฮานอยเมื่อเช้าวันที่ ๑๕ เดือนนี้หลังจากประชุมมาเป็นเวลา ๙ วัน   ท่านเหงียนฟู้จ๋อง เลขาธิการพรรคได้กล่าวปราศรัยปิดการประชุมโดยสรุปผลสำเร็จโดยรวมของการประชุม  เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๑๙๙๒ ท่านเหงียนฟู้จองระบุว่า นับเป็นสาระที่ใหญ่และสำคัญของที่ประชุม โดยได้เน้นว่า การแก้ไขและเสริมเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่อ่อนไหวที่ต้องทำงานอย่างมีวิทยาศาสตร์ ระมัดระวังและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยอาศัยผลการสรุปการปฏิบัติรัฐธรรมนูญปี ๑๙๙๒ และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  ที่ประชุมก็ได้เห็นด้วยกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะดำเนินอย่างรัดกุมและมีวิทยาศาสตร์ภายใต้การนำของพรรค ด้วยการเข้าร่วมของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักบริหารและทำการประชามติเกี่ยวกับสาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นข้อมูลพื้นฐานแก่รัฐสภา

เกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยที่ดิน  ที่ประชุมยืนยันว่า ที่ดินเป็นของประชาชนโดยรัฐเป็นเจ้าของถือกรรมสิทธิ์และบริหาร  ที่ประชุมยังเห็นว่า ต้องเร่งศึกษาการแก้ไขกฏหมายว่าด้วยที่ดินและปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ให้สมบูรญ์เพื่อประกันผลประโยชน์ล่วงหน้าและระยะยาว อนุรักษ์นิเวศวิทยา ดำเนินการมอบที่ดินและให้เช่าที่ดินทำการเกษตรแก่ครอบครัวเกษตรกรและบุคคลต่อไปเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีความผูกพันกับที่ดินในการทำการผลิต

เกี่ยวกับการต่อต้านการคอรัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย  ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า การต่อต้านการคอรัปชั่นยังไม่สามารถสกัดกั้นปัญหานี้ ซึ่งต้องต่อสู้ต่อไป ผลักดันการต่อสู้การคอรัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เพิ่มบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของพรรคสาขาทุกระดับ ทางการและผู้บริหาร ยกระดับการตรวจพบและจัดการปัญหาการคอรัปชั่นของรัฐสภา สภาประชาชน แนวร่วมปิตุภูมิ ประชาชนและกระแสประชามติอย่างมีประสิทธิภาพ   ที่ประชุมเห็นด้วยกับนโยบายจัดตั้งคณะกรรมการชี้นำส่วนกลางเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการคอรัปชั่นสังกัดกรมการเมืองของพรรค

เกี่ยวกับนโยบายด้านสังคม ที่ประชุมชี้ชัดว่า  การปรับปรุงและยกระดับชีวิตด้านวัตถุและจิตใจและสวัสดิการสังคมของผู้มีคุณงามความดีเป็นหน้าที่ประจำและสำคัญของทั้งระบบการเมืองของประเทศและสังคม  โดยตั้งเป้าไว้ว่า ถึงปี ๒๐๑๕ ครอบครัวที่มีคุณงามความดีจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  และในปี ๒๐๒๐ ประชาชนทุกคนจะได้รับสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง มีรายได้ ได้รับการศึกษา การสาธารณสุข มีที่อยู่อาศัยและได้รับการบริหารด้านการสื่อสาร โดยเน้นคนจน ชนกลุ่มน้อยและผู้ที่ด้อยโอกาส ./.