( VOVworld )-ปี ๒๐๑๕ มีเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ อีกทั้งเป็นปีที่เวียดนามผสมผสานเข้ากับภูมิภาคและโลกอย่างกว้างลึก ดังนั้นมีทั้งความสะดวกและความท้าทายที่เรียกร้องความสามัคคีและควาร่วมแรงร่วมใจของประชาชนทุกคนเพื่อเดินบนเส้นทางผสมผสานเข้ากับโลกอย่างมั่นคงเพื่อพัฒนาประเทศตลอดจนการปกป้องอธิปไตยของประเทศ  นี่คือคำยืนยันของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศในโอกาสให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามเนื่องในเทศกาลตรุษเต็ตปีมะแม ๒๐๑๕

ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศย้ำว่า แม้ว่าปี ๒๐๑๔ ที่ผ่านมา ประเทศประสบความยากลำบากนานัปการ แต่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคเอาไว้ได้ ซึ่งผลสำเร็จนี้มาจากความพยายามของหน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนทุกคน   ปี ๒๐๑๕ นี้ และปีต่อๆไปเวียดนามจะผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างลึกต่อไปโดยการเปิดตลาดกว้างขึ้นให้สินค้าของต่างประเทศเข้ามาและการเข้าร่วมสถาบันการค้าต่างๆของโลกเช่น เวียดนามกำลังเจรจาข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีและการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีโดยเปิดตลาดอย่างเต็มที่ให้แก่สินค้าของสิบประเทศสมาชิกอาเซียน  นับเป็นโอกาสและความท้าทายต่อประเทศที่เรียกร้องความพยายามของหน่วยงานทุกภาคส่วนมากขึ้น ประธานเจืองเติ้นซางกล่าวว่า  “ เวลาเร่งรัดมาก เราต้องเร่งมือทำการแข่งขันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่สินค้าของสถานประกอบการแต่ละแห่ง เศรษฐกิจเวียดนามต้องพัฒนาอย่างเข้มแข็งและรวดเร็ว  เศรษฐกิจของประเทศจะเข้มแข็งก็ต่อเมื่อมันได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในขณะที่เศรษฐกิจของเรามีขนาดเล็กเท่านั้น  เราต้องให้ความสนใจต่อการพัฒนาพร้อมๆกับคุณภาพของสินค้าและประสิทธิภาพของสถานประกอบการกับเศรษฐกิจ ”

ประธานเจืองเติ้นซางได้กล่าวถึงการปฏิบัติมติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ ๔ เกี่ยวกับปัญหาเร่งด่วนในการสร้างสรรค์พรรคโดยยืนยันว่า แม้ได้มีการปฏิบัติมติมาหลายปีและประสบผลแต่ยังไม่สามารถขจัดการทุจริตคอรัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยให้หมดสิ้นไปได้  ดังนั้นพรรคและทางการท้องถิ่นตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงส่วนภูมิภาคตลอดจนประชาชนทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อขจัดภัยร้ายแรงนี้ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง

ท่านเจืองเติ้นซางยังตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุจีนตั้งแท่งขุดเจาะไหหยาง ๙๘๑ ในไหล่ทวีปและเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามอย่างผิดกฎหมายจึงเกิดกระแสรักชาติในประชาชนเวียดนามทุกคนอย่างแรงกล้า โดยกล่าวว่า  “ ก่อนอื่นต้องยืนยันว่า อธิปไตยของประเทศเป็นสิ่งอันศักดิ์สิทธิ์และไม่อาจรุกล้ำได้ ผมคิดว่าประชาชนเวียดนามกว่า๙๐ ล้านคนก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันกับผม  พวกเราประสงค์ที่จะได้อยู่ในบรรยากาศแห่งสันติภาพและสามัคคีมิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้านและทุกประเทศในโลก นี่คือแนวทางของพรรคและรัฐเวียดนาม แต่เมื่ออธิปไตยของประเทศถูกรุกล้ำประชาชนทุกคนจะมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ ”

ประธานประเทศท่านเจืองเติ้นซางสรุปว่า ในสงครามต่อต้านศัตรูผู้รุกราน เวียดนามได้ชูธงแห่งเอกราชแห่งชาติและสังคมนิยมจึงสามารถชนะทุกครั้งได้ ซึ่งเป็นบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของประเทศ  และบทเรียนนี้ยังทรงคุณค่าในภารกิจการสร้างสรรค์และปกป้องมาตุภูมิทุกวันนี้  คำประกาศของเวียดนามที่ประสงค์เป็นมิตรกับทุกประเทศ อยู่ร่วมกันในบรรยากาศแห่งสันติภาพ มิตรภาพเพื่อการพัฒนาได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศอย่างเต็มที่ ./.