สำหรับเนื้อหาของคำสั่งนี้ รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ หวูแทงกา อดีตอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสังกัดทบวงทะเลและเกาะแก่งเวียดนามได้ยืนยันว่า “การที่จีนประกาศคำสั่งห้ามจับปลาในเขตทะเลที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของอ่าวตะวันออกและหมู่เกาะหว่างซาที่อยู่ในอธิปไตยของเวียดนามในทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามเป็นปฏิบัติการที่ขัดกับกฎหมายสากล ตามข้อตกลงระหว่างผู้นำจีนกับเวียดนาม  ทั้งสองประเทศต้องไม่มีปฏิบัติการในเขตทะเลที่มีปัจจัยที่ถูกมองว่ามีการพิพาท โดยต้องได้รับความเห็นพ้องและการทาบทามระหว่างสองประเทศแต่จีนได้มีปฏิบัติการเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุ ปัจจุบัน  แหล่งทรัพยากรทางทะเลในทะเลตะวันออกกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ประเทศต่างๆต้องร่วมมือกันบนพื้นฐานของอธิปไตย เป็นอันว่า ในเขตทะเลของเวียดนาม เวียดนามมีสิทธิอธิปไตยและอำนาจศาลเพื่อบังคับใช้คำสั่งห้ามจับปลา ส่วนจีนไม่มีสิทธิปฏิบัติคำสั่งห้ามจับปลาในเขตทะเลของเวียดนาม”

ส่วนนาย เหงวียนจูโห่ย อุปนายกสมาคมผู้ประกอบอาชีพประมงเวียดนามได้เผยว่า การประกาศคำสั่งห้ามจับปลาของจีนได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในทะเลตะวันออกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนหลังจากที่จีนอนุมัติกฎหมายตำรวจทะเล  สมาคมผู้ประกอบอาชีพประมงเวียดนามได้ยื่นจดหมายคัดค้านการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของจีน พร้อมทั้ง ได้แจ้งให้ทางการท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบเรื่องนี้เพื่อแนะนำและช่วยเหลือชาวประมงในการออกทะเลจับปลาในเขตทะเลนี้

ก่อนหน้านั้น   เมื่อวันที่ 29 เมษายน รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามดว่านคักเวียดได้ยืนยันว่า เวียดนามประท้วงและปฏิเสธต่อการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของฝ่ายจีน เพราะได้ละเมิดอธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะ หว่างซา ละเมิดกฎหมายสากลรวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS ขัดต่อเจตนารมณ์ของแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือ DOC ขัดกับข้อตกลงในหลักการพื้นฐานที่ชี้นำการแก้ไขปัญหาทางทะเลระหว่างเวียดนามกับจีน.