ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางเจรจากับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาสินา

(VOVWORLD) -ในกรอบการเยือนประเทศบังกลาเทศ เช้าวันที่ 5 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น ณ ทำเนียบรัฐบาลบังกลาเทศ ท่านเจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศเวียดนามได้เจรจากับนาง ชีค ฮาสินา  นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ
ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางเจรจากับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาสินา   - ảnh 1ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางเจรจากับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาสินา  

ผู้นำทั้งสองท่านต่างถือว่า ทั้งสองประเทศเป็นตลาดที่มีศักยภาพเนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานรุ่นใหม่และสถานประกอบการที่คล่องตัว เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ดังนั้นควรส่งเสริมศักยภาพนี้เพื่อขยายความร่วมมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างชื่นชมมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2017 ที่บรรลุเกือบ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐและแสดงความประสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2020

ทั้งสองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในหน่วยงานที่เป็นจุดแข็งของทั้งสองประเทศ เช่น การเกษตร สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อาหาร เภสัชภัณฑ์ การเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างสองประเทศ ตลอดจนความร่วมมือทวิภาคีในด้านอื่นๆ เช่น ความมั่นคงกลาโหม การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการพบปะระดับประชาชน ธำรงความสัมพันธ์ร่วมมือที่ดีงามในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก รวมทั้งสหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ฟอรั่มเออาร์เอฟและอาเซม เป็นต้น

หลังการเจรจา ผู้นำทั้งสองท่านได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารร่วมมือฉบับต่างๆ เช่น บันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสัตว์น้ำและปศุสัตว์ระยะปี 2018-2022 ระหว่างกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนามกับกระทรวงสัตว์น้ำและปศุสัตว์บังกลาเทศ บันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือในการผลิตเครื่องจักรกลระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามกับกระทรวงอุตสาหกรรมบังกลาเทศและข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามกับกระทรวงวัฒนธรรมบังกลาเทศ

ต่อจากนั้น ผู้นำทั้งสองท่านได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกัน โดยประธานประเทศเวียดนาม เจิ่นด่ายกวาง ยืนยันว่า            “สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน พวกเราได้เห็นพ้องกันที่จะส่งเสริมให้กระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานประกอบการเวียดนามพิจารณาการใช้ศักยภาพและความได้เปรียบเพื่อเสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนและเพิ่มการลงทุนระหว่างกัน พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้สินค้าที่เป็นจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย ขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆที่มีศักยภาพและอำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการเพิ่มการเข้าถึง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนการค้า”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด