ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูตินประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย ความสัมพันธ์กับอังกฤษและมาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก
(VOVWORLD) - รัสเซียจะต้องเพิ่มศักยภาพให้แก่ฐานทัพในทาจิกิสถานจนกว่าปัญหาในอัฟกานิสถานจะได้รับการแก้ไข ซึ่งรัสเซียพร้อมสนับสนุนฝ่ายต่างๆในอัฟกานิสถานแก้ไขปัญหาผ่านข้อตกลงและมาตรการทางการเมือง รวมทั้งการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย |
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนประจำปี 2018 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เตือนเกี่ยวกับการที่สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายจะผลักดันการเคลื่อนไหวจากประเทศซีเรียไปยังประเทศอื่นๆ พร้อมทั้งย้ำว่า รัสเซียจะต้องเพิ่มศักยภาพให้แก่ฐานทัพในทาจิกิสถานจนกว่าปัญหาในอัฟกานิสถานจะได้รับการแก้ไข ซึ่งรัสเซียพร้อมสนับสนุนฝ่ายต่างๆในอัฟกานิสถานแก้ไขปัญหาผ่านข้อตกลงและมาตรการทางการเมือง รวมทั้งการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
สำหรับการตัดสินใจถอนทหารออกจากซีเรียของสหรัฐ นาย ปูตินเผยว่า ไม่มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า สหรัฐจะถอนทหารออกจากประเทศซีเรีย แต่มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะปฏิบัติแผนการดังกล่าวและเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวของนาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคือการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะการปรากฎตัวทางทหารของสหรัฐเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับอังกฤษ นาย ปูตินได้เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศและเผยว่า การที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรปและโลก รวมทั้งรัสเซีย
สำหรับมาตรากรคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก ประธานาธิบดีปูตินได้ย้ำว่า รัสเซียต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรมาโดยตลอด ซึ่งทำให้พลังภายในประเทศได้รับการเสริมสร้าง พร้อมทั้งเผยว่า มาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตกคือมาตรการที่ไม่ถูกต้องและมีวัตถุประสงค์เพื่อขัดขวางการพัฒนาของประเทศรัสเซีย
ในการนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังประกาศว่า รัสเซียอยากลงนามสนธิสัญญาสันติภาพกับญี่ปุ่นเพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างให้ความสนใจต่อการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างสมบูรณ์.