ประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมปี 2016

(VOVworld) – การเยือนนี้จะมีส่วนร่วมเปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่เพื่อสันติภาพและการ พัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วน ความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองรัฐ พัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม – สหรัฐขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

(VOVworld) – วันที่ 16 กุมภาพันธ์ นอกรอบการประชุมสุดยอดพิเศษอาเซียน – สหรัฐ ณ เมือง Sunnylands นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนเติ๊นหยุงได้เข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐบารัค โอบาม่า ในการนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าได้แจ้งว่า จะเดินทางมาเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้เพื่อศึกษาเกี่ยวกับประเทศ คนและวัฒนธรรมของเวียดนาม หารือมาตรการร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อธำรงระดับการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้าน ตลอดจนย้ำว่า การเยือนนี้จะมีส่วนร่วมเปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่เพื่อสันติภาพและการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วน ความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองรัฐ พัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม – สหรัฐขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่

ประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมปี 2016 - ảnh 1
ประธานาธิบดีสหรัฐและนายกรัฐมนตรีเวียดนาม (Photo VNplus)

ในการพบปะเป็นเวลาเกือบ 40 นาที ผู้นำทั้งสองท่านได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านสำคัญต่างๆและปัญหาระหว่างประเทศและภูมิภาคที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงเผยว่า เวียดนามมีความกังวลเป็นอย่างมากต่อสถานการณ์ในทะเลตะวันออกที่นับวันยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ ความมั่นคง การเดินเรือและการบินอย่างเสรีและปลอดภัยเนื่องจากการก่อสร้างเกาะเทียมและสิ่งปลูกสร้างต่างๆเพียงฝ่ายเดียวในขอบเขตใหญ่เพื่อเปลี่ยนสภาพเดิมของทะเลตะวันออก รวมทั้งการขยายกิจกรรมทางทหารในทุกรูปแบบ นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังเรียกร้องให้สหรัฐมีเสียงพูดที่เข้มแข็งและมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ยุติกิจกรรมต่างๆดังกล่าวที่มุ่งเปลี่ยนสภาพเดิมในทะเลตะวันออก ให้ความเคารพและปฏิบัติแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างจริงจังและสมบูรณ์ จัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว ส่วนประธานาธิบดีโอบาม่าได้ยืนยันว่า สหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออกและสนับสนุนอย่างเข้มแข็งความพยายามทางการทูตและขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการพิพาทอธิปไตยในทะเลตะวันออกตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และดีโอซี
สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หลังจากที่ข้อตกลงทีพีพีได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการ ทุกฝ่ายต้องเร่งเสร็จสิ้นกระบวนการอนุมัติตามกฎหมายของแต่ละประเทศ นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงยังเรียกร้องให้สหรัฐรับรองเศรษฐกิจของเวียดนามที่พัฒนาตามกลไกตลาด เรียกร้องให้สหรัฐขยายเวลาให้เวียดนามปฏิบัติการปรับเปลี่ยนมาตรการบริหารเพื่อตอบสนองความต้องการตามข้อกำหนดของกฏหมายฟาร์มบิลล์ปี 2014 ของสหรัฐจาก 18 เดือนขึ้นเป็น 3 หรือ 4 ปี พร้อมทั้งสนับสนุนเทคโนโลยีเกี่ยวกับการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหารต่อผลิตภัณฑ์ปลาสวายและปลาบาซาของเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐ โอกาสนี้ ท่านเหงียนเติ๊นหยุงยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโอบาม่าสนับสนุนอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อแก้ไขผลเสียหายจากสงครามในเวียดนาม โดยเฉพาะการล้างสารพิษไดอ๊อกซินและเก็บกู้กับระเบิดที่หลงเหลือหลังสงคราม เรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามขายอาวุธสังหารบุคคลให้แก่เวียดนามอย่างสมบูรณ์โดยถือเป็นมาตรการสำคัญเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างสองประเทศ เรียกร้องให้สหรัฐสนับสนุนเวียดนามเพิ่มความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานตำรวจทะเลเวียดนามในการปฏิบัติหน้าที่ในทะเล
ประธานาธิบดีโอบาม่าได้เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องเหล่านี้ของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงโดยยืนยันว่า จะสั่งให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐประสานงานกับเวียดนามเพื่อเสนอมาตรการแก้ไขแต่ละปัญหาอย่างเหมาะสมเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจ ความเข้าใจและขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือในทุกด้านระหว่างสหรัฐกับเวียดนามให้ลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด