ในวันเดียวกัน นาย Paul Ryan ประธานสภาล่างสหรัฐได้เผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จะก่อให้เกิดผลเสียหายที่คาดไม่ถึง ตนจะพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลสหรัฐลดรายชื่อประเทศที่ต้องจ่ายภาษีระดับสูงในการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมมายังสหรัฐ ซึ่งควรเป็นประเทศที่ละเมิดกฎหมายการค้าเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน ส.ว. Jeff Flake จากรัฐแอริโซนาเผยว่า การเก็บภาษีใหม่นี้คือการรวมกันระหว่างลัทธิคุ้มครองกับความไร้เสถียรภาพ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะเสนอร่างกฎหมายเพื่อปฏิเสธนโยบายภาษีใหม่

ในวันเดียวกัน แคนาดาและบราซิล ซึ่งเป็นผู้จัดสรรเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวโดยในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 มีนาคม รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา Chrystia Freeland ได้ประกาศว่า แคนาดาจะพยายามตอบโต้นโยบายดังกล่าวของสหรัฐถึงแม้แคนาดาและเม็กซิโกได้รับการยกเว้นจากนโยบายดังกล่าวก็ตาม ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล Nunes ยืนยันอีกครั้งว่า บราซิลจะมีก้าวเดินที่จำเป็น ทั้งทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อค้ำประกันสิทธิและผลประโยชน์ของตน

นาย Bruno Le Maire รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจฝรั่งเศสเผยว่า ฝรั่งเศสจะร่วมมือกับหุ้นส่วนในสหภาพยุโรปหรืออียูเพื่อประเมินผลเสียหายและมีการตอบโต้ที่เหมาะสมกับคำประกาศดังกล่าว รัฐมนตรีพาณิชย์อังกฤษ Liam Fox เผยว่า การกระทำดังกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เป็นการเข้าถึงปัญหาการค้าที่ผิดพลาด

ในขณะเดียวกัน ข้าหลวงใหญ่ที่ดูแลการค้าของอียู Cecilia Malmstroem ได้แสดงความคิดเห็นทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ Twitter ว่า อียูต้อง “ไม่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีดังกล่าวของสหรัฐ

ส่วนพันธมิตรที่ใกล้ชิกของสหรัฐคือญี่ปุ่นก็ยืนยันว่า การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศและโลกเป็นอย่างมาก

ตามกฤษฎีกาที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 8 มีนาคม สหรัฐจะเก็บภาษีการนำเข้าเหล็กร้อยละ 25 และอะลูมิเนียมร้อยละ 10 ยกเว้นเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งกฤษฎีกานี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในอีก 15 วันข้างหน้า.

ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจต่างๆในเอเชีย เช่น จีนและสาธารณรัฐเกาหลีได้คัดค้านการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บภาษีดังกล่าวของสหรัฐ สำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษรายงานว่า วันที่ 9 มีนาคม กระทรวงการค้าจีนได้ประท้วงการตัดสินใจดังกล่าวของสหรัฐ พร้อมทั้งเผยว่า จะประเมินผลเสียหายและยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์และสิทธิที่ชอบธรรมของจีนและเตือนว่า การเก็บภาษีใหม่นี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระเบียบการค้าโลก ส่วนกระทรวงพาณิชย์สาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าวว่า การเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งจะทำให้เสียเปรียบผู้ผลิตสหรัฐ รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีที่กำลังดำเนินอยู่

ส่วนนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้แสดงความคิดเห็นในแง่ดีที่จะได้รับการยกเว้นจากแผนการดังกล่าวของสหรัฐ โดยในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กรุงซิดนีย์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เหล็กของออสเตรเลียอาจถูกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐและส่วนใหญ่ออสเตรเลียเน้นส่งออกแร่เหล็ก ส่วนการส่งออกเหล็กอยู่ในระดับต่ำและสหรัฐไม่ใช่คู่ค้ารายใหญ่ของออสเตรเลีย.