ผู้นำคิมจองอึนและประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูติน (Photo Reuters)

สำหรับการพบปะสุดยอดครั้งนี้ นาย คอนสตาติน โกชาแชป ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภารัสเซียเผยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะมีปฏิกิริยาในเชิงลบต่อผลการพบปะครั้งนี้เพราะสหรัฐมักจะคิดอยู่เสมอว่า เป็นประเทศเดียวที่มีสิทธิ์แก้ไขการพิพาทในโลก จึงจะมีปฏิกิริยาในทางลบและพยายามยุยงให้ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 เมษายน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เผยว่า จะพยายามประสานงานกับหุ้นส่วนต่อไปเพื่อปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

ในขณะเดียวกัน หลังการเจรจาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง นายคิมจองอึนและนายปูตินยังไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมและลงนามเอกสารใดๆแต่นาย ปูติน ได้ออกแถลงข่าวเป็นเวลาสั้นๆเกี่ยวกับผลการพบปะครั้งนี้ โดยย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี ความคืบหน้าของความร่วมมือและสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมทั้งแสดงความพอใจเกี่ยวกับการพบปะ โดยทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทุกประเด็นในระเบียบวาระการประชุม รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องถึงเอกสารนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ความสัมพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี – สหรัฐ แต่ส่วนใหญ่เน้นหารือถึงกระบวนการปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์บนคาบสมุทรเกาหลี

ในบ่ายวันที่ 26 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น รถไฟของนายคิมจองอึน ได้ออกจากเมือง วลาดีวอสตอค กลับประเทศ

ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอได้อ้างคำประกาศของนายคิมจองอึนในการพบปะสุดยอดกับนาย วลาดีเมียร์ ปูตินว่า สันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีขึ้นอยู่กับทัศนคติของสหรัฐในอนาคต พร้อมทั้งลงข่าวเกี่ยวกับความเห็นพ้องระหว่างรัสเซียกับเปียงยางในการใช้มาตรการต่างๆเพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.