ผลักดันความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านเวียดนาม-ลาวในสภาวการณ์ใหม่

(VOVWORLD) -ในกรอบการเยือนเวียดนามในระหว่างวันที่ 1 – 3ตุลาคมของนายกรัฐมนตรีลาว ทองลุน สีสุลิด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศในสถานการณ์ใหม่
ผลักดันความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ ความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านเวียดนาม-ลาวในสภาวการณ์ใหม่ - ảnh 1เลขาธิการใหญ่พรรค ประธานประเทศ เหงวียนฟู้จ่องให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีลาว ทองลุน สีสุลิด (Photo: TTXVN) 

 ในการพบปะต่างๆ  บรรดาผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือกันในภารกิจการปกป้องและพัฒนาของแต่ละประเทศทั้งในกรอบทวิภาคีและฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลก  พร้อมทั้ง ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันรับมือความท้าทายด้านความมั่นคงและกลาโหมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เห็นพ้องที่จะปฏิบัติข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับปัญหาชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับประสิทธิภาพความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีและผลักดันการปฏิบัติโครงการลงทุนระหว่างสองประเทศ

เวียดนามและลาวยืนยันถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างสองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ การเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม พลังงาน โทรคมนาคม การท่องเที่ยวและปฏิบัติโครงการร่วมมือที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ  ให้ความสนใจต่อการพัฒนาโครงการคมนาคมขนส่ง รวมทั้ง การเชื่อมโยงด้านการบิน เส้นทางตามแนวเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตกและรถโดยสารระหว่างประเทศเวียดนาม-ลาว-ไทย  ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะประสานงานกันในการผลักดันความร่วมมือในเขตสามเหลี่ยมการพัฒนากัมพูชา-ลาว-เวียดนามและปฏิบัติแผนการปฏิบัติงานที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจกัมพูชา-ลาว-เวียดนามจนถึงปี 2030 ปฏิบัติข้อตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาและฝึกอบรม การพัฒนาแหล่งบุคลากร ผลักดันการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว.

ทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การระหว่างประเทศและประเทศต่างๆเพื่อบริหารและใช้แหล่งน้ำของแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนประเทศต่างๆในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ให้การสนับสนุนกันในกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาคและโลกและผลักดันการเสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรือ RCEP

ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันถึงความสำคัญในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ การเคารพกฎหมาย การรักษาความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก การแก้ไขปัญหาการพิพาทในทะเลตะวันออกอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล รวมทั้ง อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 พร้อมทั้ง ยืนหยัดจุดยืนของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกที่ถูกระบุในแถลงการณ์ต่างๆของอาเซียน โดยเฉพาะ แถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 52 ณ กรุงเทพฯปี 2019.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด