ศ. Yeah Kim Lengถือว่า หัวข้อ “สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ ร่วมกันสร้างสรรค์อนาคต” ที่เวียดนามเสนอนั้นสอดคล้องกับภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พัฒนาคล่องตัวมากที่สุดในโลก ในฐานะเป็นเจ้าภาพของการประชุม เวียดนามได้พยายามเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจสมาชิกมีความพยายามมากขึ้นเพื่อมุ่งสู่รูปแบบการผสมผสานในภูมิภาคหรือคล้ายๆกับรูปแบบของเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือข้อตกลงระดับภูมิภาคต่างๆ ก็จะช่วยเปิดเวทีร่วมเพื่อค้ำประกันการค้าเสรีในเอเชีย – แปซิฟิกต่อไป

ส่วนศ. Go Ito จากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัย Meji ก็ยืนยันถึงบทบาทสำคัญของเวียดนามในกระบวนการความร่วมมือเอเปกและความหมายของการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเอเปก 2017 ของเวียดนาม โดยเผยว่า ในอาเซียน เวียดนามเป็นเศรษฐกิจเพิ่งโดดเด่นที่มีอัตราการขยายตัวที่น่าประทับใจ

ในขณะเดียวกัน ศ. Carl Thayer ผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนามศึกษาสังกัดสถาบันกลาโหมออสเตรเลียเห็นว่า เวียดนามพยายามผลักดันระเบียบวาระการปฏิรูปของเอเปกในการประชุมนัดต่างๆในกรอบของการประชุมผู้นำเอเปก 2017 เช่น การประชุมของเจ้าหน้าที่ผู้อาวุโสและการประชุมของรัฐมนตรี เวียดนามต้องปฏิบัติบทบาทผู้นำการประชุมที่เข้มแข็งเพื่อฟันฝ่าอุปสรรค การเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 2 ของการประชุมผู้นำเอเปกได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในนโยบายระยะยาวของเวียดนามเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์การต่างประเทศให้มีหลายรูปแบบหลายฝ่ายและพหุภาคี ในการประชุมครั้งนี้ เวียดนามควรแนะนำการพัฒนาของเศรษฐกิจนครดานัง ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงามและทันสมัยเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อความมั่นคงของภูมิภาคและโลก เพื่อดึงดูดการสนับสนุนจากเศรษฐกิจอื่นๆในเอเปกในการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาของตนเอง.