ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เผยว่า หน้าที่ของฝรั่งเศสและเยอรมนีในฐานะเป็นประเทศแถวหน้าคือ การสร้างความร่วมมือใหม่ที่อยู่เหนือความแตกต่างระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องส่งเสริมและผลักดันวงเงินลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่จำเป็นในระดับทวีปยุโรปเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทางชีวะภาพ ใช้แหล่งพลังต่างๆและส่งเสริมการผลิตพลังงานปลอดคาร์บอนในยุโรป ส่วนนายกรัฐมนตรีเยอรมัน Olaf Scholz ได้แสดงความเห็นว่า อนาคตของยุโรปขึ้นอยู่กับการนำของเยอรมนีและฝรั่งเศส โดยย้ำถึงความร่วมมือระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศสที่ได้รับการเสริมสร้างอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด

ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron และ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน Olaf Scholz (ภาพจาก  AFP/ TTXVN)

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้ลงนามสนธิสัญญา Elysee เมื่อปี 1963 เกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือด้านกลาโหมไปจนถึงการพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนของสองประเทศ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้มีความร่วมมือกันอยู่เสมอ สร้างพื้นฐานในการรับมือวิกฤตต่าง ๆ ของยุโรป อย่างไรก็ตาม ความเป็นหุ้นส่วนที่เก่าแก่กำลังได้รับผลกระทบจากความแตกต่างในบางปัญหา โดยเฉพาะการเข้าถึงปัญหาการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างรัสเซียกับยูเครน.