นาย ดิงเตี๋ยนหยุง เลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอยกล่าวปราศรัยในพิธี

ในการนี้ นาย ดิงเตี๋ยนหยุง เลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอยได้ชี้ชัดว่า สหรัฐได้เปิดยุทธนาการ “ Linebacker II” โดยใช้ฝูงบิน B52  นับร้อยลำ ทำการโจมตีทางอากาศใส่กรุงฮานอย เมืองท่าไฮฟองและท้องถิ่นต่างๆในภาคเหนือ  ในระหว่างวันที่ 18 – 29 ธันวาคมปี 1972   ซึ่งเป็นการระดมอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ลของสหรัฐภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ด้วยการชี้นำที่ปรีชาสามารถของคณะกรรมการกลางพรรคฯและพรรคสาขากองทัพ บวกกับด้วยความมุ่งมั่นอันเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้อย่างกล้าหาญและมีความคิดสร้างสรรค์ในตลอด 12 วันคืน กองทัพและประชาชนกรุงฮานอย เมืองท่าไฮฟองและท้องถิ่นต่างๆในภาคเหนือสามารถทำลายแผนการโจมตีของสหรัฐ ซึ่งเปิดทางให้แก่การลงนามในข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการยุติสงครามและนำสันติภาพมาสู่เวียดนามอีกครั้ง สำหรับชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวลาเป็นชัยชนะทางประวัติศาสตร์และมีความหมายแห่งยุคสมัย มีส่วนร่วมที่สำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกาเพื่อกู้ชาติ นาย ดิงเตี๋ยนหยุง ได้ยืนยันว่า“พรรคสาขา ประชาชนและกองกำลังติดอาวุธกรุงฮานอยได้สานต่อและส่งเสริมบทเรียนและประสบการณ์อันล้ำค่าของการปฏิวัติเพื่อภารกิจการปลดปล่อยประชาชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพ รวมถึงการต่อสู้ในตลอด 12 วันคืนจนเกิดเป็นชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวหาเพื่อนำไปใช้อย่างคล่องตัว มีความคิดสร้างสรรค์และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อสนับสนุนภารกิจการสร้างสรรค์นครหลวงฮานอย การสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ”

ส่วนพลโท ฝ่ามตวน วีรชนกองกำลังติดอาวุธประชาชนและอดีตรองผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ได้เผยว่า“ชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวหาคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ทั้งด้านการทหาร การเมือง การทูต แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหน่วยป้องกันภัยทางอากาศและการประสานงานระหว่างหน่วยทหารต่างๆในการต่อสู้เพื่อปกป้องกรุงฮานอยและภาคเหนือ ส่วนในภารกิจการพิทักษ์รักษาปิตุภูมิในปัจจุบัน เหล่าทหารป้องกันภัยทางอากาศเป็นกองกำลังแกนหลักในการต่อสู้ทางอากาศ ซึ่งพรรคฯ รัฐและพรรคสาขากองทัพได้วางแนวทางพัฒนาหน่วยป้องกันภัยทางอากาศให้ทันสมัยและตั้งอยู่ในความพร้อมเพื่อเตรียมรับมือทุกสภาวการณ์”