(VOVworld) – มนุษยชาติต้องการโลกที่ไม่มีสงครามและความยากจน คือหัวข้อในบทปราศรัยของท่านเหงวียนเติ้นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่๖๘ เช้าวันที่๒๘เดือนนี้ โดยเน้นถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจยุทธศาสตร์เพื่อมีส่วนร่วมเสริมสร้างสันติภาพ และการแก้ไขการพิพาทต่างๆและแสดงให้เห็นว่า เวียดนามพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในภารกิจของสหประชาชาติอย่างแข่งขัน       ในตอนต้นของบทปราศรัย ท่านเหงวียนเติ้นหยุงได้กล่าวว่า แม้ว่าโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในรอบ๑ศตวรรษที่ผ่านมา รวมทั้ง สันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาเป็นแนวโน้มสำคัญในปัจจุบัน แต่ความล่อแหลมในการเกิดสงครามยังคงมีอยู่โดยได้เกิดการปะทะในแถบตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ ซีเรีย การพิพาทอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้และทะเลตะวันออกซึ่งทำให้ประชาคมระหว่างประเทศต้องมีความรับผิดชอบที่หนักหน่วง และย้ำว่า ทุกคนที่เกิดมาต่างมีสิทธิ์ความเสมอภาค มนุษย์ทุกคนมีค่าเท่ากัน  ปฏิบัติการกระหายสงครามต้องถูกประนามและยับยั้ง  รวมทั้งต้องส่งเสริมความพยายามยับยั้งการพิพาท“การปะทะและสงครามจะถูกยับยั้งก็ต่อเมื่อการกระทำที่ขัดกับกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายสากล มีลักษณะยัดเยียดและการเมืองแบบอำนาจบาตรใหญ่ต้องถูกขจัด สันติภาพจะได้รับการรักษาก็ต่อเมื่อประเทศต่างๆให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย และเอกลักษณ์วัฒนธรรมของกัน ไม่ยัดเยียดมาตรฐานทางการเมือง และคุณธรรมให้แก่กัน  ส่วนบทบาทของสหประชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะได้รับการส่งเสริมและยิ่งไปกว่านี้คือ ความไว้วางใจยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศต่างๆต้องได้รับการทำนุบำรุงอย่างเต็มที่ด้วยความจริงใจและมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม” ท่านเหงวียนเติ้นหยุงได้เรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจเป็นตัวอย่างในการสร้างสรรค์สันติภาพ  ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องเป็นที่พึ่งและเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศต่างๆร่วมกันรักษาสันติภาพ  เกี่ยวกับการปฏิบัติเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ ท่านเหงวียนเติ้นหยุงกล่าวว่า แม้ว่า ความพยายามแก้ปัญหาความยากจนได้ประสบความสำเร็จแต่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็ยังคงเพิ่มขึ้น ในโลกยังมีประชากรยากจนกว่า๑พันล้านคน นอกจากนี้ ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซ การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไปก็ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น รวมถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนล้วนแต่เป็นปัญหาที่กำลังคุกคามประเทศที่ยากจนให้ยากจนมากขึ้น ท่านเหงียนเติ้นหยุงยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเพิ่มความพยายามในการปฏิบัติระเบียบวาระการประชุมเพื่อการพัฒนาหลังปี๒๐๑๕เพื่อรักษาสันติภาพ ผลักดันความร่วมมือ ขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปและพิทักษ์รักษาโลก  ท่านเหงียนเติ้นหยุงยืนยันว่า เนื่องจากที่ต้องผ่านสงครามอันนองเลือด๒ครั้งพร้อมกับความเสียหายและความปวดร้าวมากมาย เวียดนามได้สร้างสรรค์ประเทศจากซากปรักหักพังสงคราม ทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ ผสมผสานและพัฒนา เวียดนามได้ระบุเป้าหมายพัฒนาแห่งสหัสวรรษไว้ในยุทธศาสตร์พัฒนาของตนโดยประสานกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีความก้าวหน้า ความยุติธรรมทางสังคม จนได้รับรางวัลในการแก้ปัญหาความยากจนจากองค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ จากแนวทาง มนุษย์เป็นเป้าหมายและเป็นศูนย์กลางการพัฒนา เวียดนามให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการลงทุนด้านสาธารณสุข การศึกษาและการสื่อสารให้แก่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะ ในเขตยากจน เขตชนกลุ่มน้อย  เวียดนามยังพยายามร่วมกับสมาชิกอื่นๆสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนซึ่งเป็นชายคาร่วมของประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องแตกแยกกันเพราะสงครามในอดีตซึ่งเป็นการพิสูจน์อย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อมุ่งสู่สันติภาพ ความร่วมมือ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต“เนื่องจากต้องผ่านสงครามต่อต้านศัตรูผู้รุกรานและความอดอยากยากจน ดังนั้น เวียดนามจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าเกี่ยวกับสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง พวกเราพยายามเข้าร่วมการสร้างสรรค์สันติภาพ การแก้ปัญหาความยากจน การพิทักษ์รักษาโลกใบนี้ เวียดนามพร้อมที่จะเข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ พร้อมที่จะมีส่วนร่วม แม้จะน้อยนิดก็ตามเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณต่อเพื่อนมิตรประเทศที่ได้ช่วยเหลือพวกเราในการช่วงชิง และรักษาเอกราช เอกภาพของประเทศ และหลุดพ้นจากความยากจน เวียดนามจะเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ และเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศตลอดกาล”  ./.