ยืนหยัดหลักการค้ำประกันให้เอเชียตะวันออกเป็นกลไกแห่งการสนทนาและความร่วมมือ
(VOVWORLD) -ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 54 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้อง เมื่อค่ำวันที่ 4 สิงหาคม ได้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชียตะวันออกครั้งที่ 11 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คณะผู้แทนเวียดนาม นำโดยนาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ภาพการประชุม (VNA) |
ในการนี้ อาเซียนและหุ้นส่วนเอเชียตะวันออกหรืออีเอเอสได้เห็นพ้องที่จะพยายามเสร็จสิ้นแผนปฏิบัติการกรุงมะนิลาระยะปี 2018 - 2022 อย่างสมบูรณ์ เตรียมวางแผนปฏิบัติการในระยะต่อไปบนพื้นฐานของการให้สิทธิพิเศษที่เหมาะสมกับสถานการณ์ใหม่ มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อความพยายามฟื้นฟูและการขยายตัว ให้คำมั่นสนับสนุนอาเซียนในการยกระดับทักษะความสามารถในด้านสาธารณสุข ป้องกัน วิจัยและพัฒนาวัคซีน ค้ำประกันการจัดสรรวัคซีนอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกัน และสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น
ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม รัฐมนตรี บุ่ยแทงเซิน ยืนยันว่า ในตลอด 15 ปีที่ผ่านมา อีเอเอสได้ส่งเสริมประสิทธิภาพในด้านบทบาทและคุณค่า มีส่วนร่วมสำคัญต่อการผลักดันสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค พร้อมทั้งย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญต่อหลักการที่สำคัญนี้ เพื่อค้ำประกันให้เอเชียตะวันออกเป็นกลไกแห่งการสนทนาและความร่วมมือ ลดความซับซ้อนด้านยุทธศาสตร์ให้เหลือน้อยที่สุด สำหรับความซับซ้อนในจุดร้อนต่างๆของภูมิภาค รวมทั้งทะเลตะวันออก รัฐมนตรีบุ่ยแทงเซินได้ย้ำว่า "จุดยืนและหลักการของอาเซียนและเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกมีความชัดเจนและเสมอต้นเสมอปลาย พวกเราย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของการเพิ่มความเชื่อมั่นระหว่างกันและความอดกลั้นเพื่อยับยั้งปฏิบัติการที่อาจทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นจนทำให้เกิดปัญหาการพิพาทและส่งผลกระทบในทางลบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความแตกต่างและการพิพาทต้องได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธีตามกฎหมายสากล สิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของทุกประเทศต้องได้รับการเคารพอย่างสมบูรณ์ อาเซียนและจีนกำลังหารืออย่างเข้มแข็งเพื่อมุ่งสู่การเจรจาเพื่อจัดทำซีโอซีอย่างมีประสิทธิภาพและจริงจัง สอดคล้องกับกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS พวกเราเชื่อมั่นว่า ซีโอซีมีความหมายเหมือนหลักในการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกและตั้งความหวังเกี่ยวกับการสนับสนุนของทุกประเทศในเอเชียตะวันออกต่อกระบวนการนี้ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า เวียดนามมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และพื้นฐานทางนิตินัยอย่างเพียงพอเพื่อยืนยันถึงอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลและเจื่องซาหรือสเปรตลีย์ ”
ในการเสร็จสิ้นการประชุม บรูไน ซึ่งเป็นประธานอีเอเอสได้ออกแถลงการณ์ของประธานอีเอเอสเกี่ยวกับผลสำเร็จของการประชุม.