รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและรัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ตอบกระทู้ถาม
(VOVworld) – เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบการบริหารราชการ ต้องปรับปรุงให้มีความกระทัดรัด
|
เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบการบริหารราชการ ต้องปรับปรุงให้มีความกระทัดรัด
|
(VOVworld)–“สร้างสรรค์ระบบการบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพโดยก้าวกระโดดคือการปรับปรุงกลไกการบริหารราชการให้มีความกระทัดรัด” นี่คือคำยืนยันของท่านเหงวียนท้ายบิ่งห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในในการตอบกระทู้ถามต่อรัฐสภาเช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน โดยยืนยันว่า ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จำเนวนเจ้าหน้าที่ข้าราชการได้เพิ่มขึ้น 6 แสน 6 หมื่นคนเนื่องจากการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ๆหรือเพิ่มภารกิจหน้าที่ให้แก่หน่วยงานเก่าๆ หน่วยงานที่มีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ข้าราชการคือ สิ่งแวดล้อม ที่ดิน ทะเลและเกาะแก่ง การท่องเที่ยว ศุลกากร ภาษีและสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของการพัฒนาหน่วยงานและท้องถิ่น แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบการบริหารราชการ ต้องปรับปรุงให้มีความกระทัดรัด“ต้องปรับปรุงกลไกบริหารราชการให้มีความกระทัดรัดโดยเน้นการประเมินลักษณะงาน กำหนดรายละเอียดต่อแต่ละตำแหน่งงานและปรับปรุงมาตรฐานเกี่ยวกับลำดับขั้นข้าราชการให้มีความสมบูรณ์และเพิ่มมาตรฐานประเมินข้าราชการในแต่ละปีเพื่อจะเป็นพื้นฐานปฏิบัตตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงส่วนภูมิภาค ก่อนอื่นพยายามให้จนถึงปี 2016 จะไม่มีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ยกเว้นกรณีพิเศษ ตลอดจนควบคุมการรับบรรจุข้าราชการในทั้งระบบการเมือง” นอกจากการปรับปรุงกลไกบริหารราชการให้มีความกระทัดรัดแล้ว รัฐมนตรีเหงียนท้ายบิ่งยังถือว่า การยกระดับและการประเมินคุณภาพของเจ้าหน้าที่ข้าราชการเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อสร้างสรรค์ระบบการบริหารราชการที่มีประสิทธิภาพ
ควบคู่กันนั้น รัฐมนตรีเหงียนท้ายบิ่งเผยว่า รัฐบาลจะปฏิบัติโครงการปรับปรุงระบบบริหารภาครัฐช่วงปี 2011-2020 อย่างสมบูรณ์ ปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงข้าราชการโดยปรับปรุงและระบุหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานอย่างชัดเจนตามหลักการให้หน่วยงานเดียวปฏิบัติ ปรับปรุงกลไกบริหารระดับจ.และอำเภอ
ในช่วงบ่ายรัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์เหงวียนบั๊กซอนได้ตอบกระทู้ถามโดยเน้นถึงความปลอดภัยของการสื่อสารออนไลน์เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเวียดนาม ซึ่งรัฐมนตรีเหงวียนบั๊กซอนได้ประเมินว่าเวียดนามเป็นหนึ่งใน20ประเทศที่มีผู้ใช้บริการอินเตอร์เนตมากที่สุดในโลกดังนั้นการรักษาความลับและความปลอดภัยของข่าวสารข้อมูลถือว่าสำคัญยิ่ง รวมไปถึงการที่เวียดนามยังต้องนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวเข้องกับเครือข่ายอินเตอร์เนตด้วย ดังนั้นทางกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้ออกหนังสือกำหนดการประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินดูแลความปลอดภัยของเครือข่าย โดยมีการจัดตั้งองค์กรเฉพาะกิจ ซึ่งองค์กรนี้ได้ร่วมมือกับระหว่างประเทศ ทำการฝึกอบรมบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเร่งปฏิบัติโครงการสำคัญอื่นๆพร้อมทั้งยื่นเสนอให้รัฐสภาระบุโครงการร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยด้านสารสนเทศเข้าในระเบียบวาระการประชุมปี2014เพื่อเพิ่มกรอบทางนิตินัยให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น./.