รองประธานประเทศ หวอถิแอ๊งซวน พบปะกับเอกอัครราชทูตและหัวหน้าตัวแทนสตรีขององค์กรระหว่างประเทศในเวียดนาม

ในการพบปะ รองประธานประเทศ หวอถิอแอ๊งซวน ยืนยันว่า ในประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนาม มีการเสียสละและการอุทิศที่ยิ่งใหญ่ของสตรีมาโดยตลอด ดังนั้น ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามจึงปรับปรุงและปฏิบัตินโยบายต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อลดช่องว่างระหว่างเพศ อำนวยความสะดวกและสร้างโอกาสในการปฏิบัติความเสมอภาคทางเพศในทุกด้านของชีวิตทางสังคม ซึ่งมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

รองประธานประเทศ หวอถิแอ๊งซวน แสดงความเห็นว่า ในระยะเวลาทางประวัติศาสตร์ ผู้หญิงคือทูตแห่งสันติภาพและความเมตตา เป็นสะพานแห่งมิตรภาพ ความผูกพันที่จริงใจและใกล้ชิดระหว่างประเทศและประชาชาติต่างๆ  โดยเฉพาะบทบาทที่กระตือรือร้นและคล่องตัวของบรรดาเอกอัครราชทูตสตรีและหัวหน้าผู้แทนสตรีขององค์กรระหว่างประเทศมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง หวังว่า ในเวลาที่จะถึง เอกอัครราชทูตสตรีและหัวหน้าผู้แทนสตรีขององค์กรระหว่างประเทศจะยังคงเดินพร้อม ร่วมมือและสนับสนุนเวียดนามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และผสมผสานเข้ากับกระแสโลก มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อเป้าหมายร่วมของสหประชาชาติ รวมทั้ง เป้าหมายความเสมอภาคทางเพศ

ในนามบรรดาเอกอัครราชทูตสตรีและหัวหน้าผู้แทนสตรีขององค์กรระหว่างประเทศในเวียดนาม นาง มาเรีย โอลันดินา อิซาเบล ไคโร อัลเวส เอกอัครราชทูตติมอร์ เลสเต ได้ย้ำว่า วันสตรีสากล 8 มีนาคมเป็นโอกาสเพื่อทบทวนการปฏิบัติตามคำมั่นระดับชาติและระหว่างประเทศเกี่ยวกับการส่งมอบสิทธิให้แก่สตรีและเด็กหญิง อีกทั้ง แสดงความเห็นว่า เวียดนามเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของโลกในการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ เวียดนามได้ประกาศใช้นโยบายต่างๆเพื่อค้ำประกันสิทธิผลประโยชน์ ส่งเสริมสถานะและบทบาทของสตรี สตรีเวียดนามปฏิบัติงานในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศอย่างเข้มแข็ง.