จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่1,382,272 รายและมีผู้ที่ได้รับการรักษาหายสะสม1,052,341ราย

ตามรายงานของเว็บไซต์ worldometers.info จนถึงบ่ายวันที่ 10 ธันวาคม ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมกว่า 268.7 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 5.3 ล้านราย สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 8 แสน 1 หมื่น 5 พันรายจากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 50.5 ล้านราย รองลงมาคืออินเดียและบราซิล

ในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนอย่างรุนแรง สำนักงานสาธารณสุขของประเทศต่างๆได้เสนอให้ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19 เข็มที่ 3  ซึ่งสำนักงานยาแห่งยุโรปหรือ EMA ได้เผยว่า ควรทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วเป็นเวลา 3 เดือน EMA จะประเมินคุณภาพของวัคซีนที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน ส่วนองค์การอาหารและยาสหรัฐหรือFDA ของสหรัฐได้อนุญาตให้ทำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ให้แก่นักเรียนที่มีอายุ 16 –17 ปี หลังจากได้รับวัคซีนเข็ม 2 เป็นเวลา 6 เดือน ส่วนที่ออสเตรเลีย กลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคการสร้างภูมิคุ้มกันของออสเตรเลียได้อนุญาตให้ทำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กที่มีอายุ5-11 ขวบ ที่เยอรมนี คณะกรรมการด้านการฉีดวัคซีนสังกัดสถาบัน Robert Koch ได้เสนอให้ทำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กที่มีอายุ 5-11 ขวบที่มีโรคประจำตัวและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง.