สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 710,000 รายและผู้เสียชีวิตกว่า 37,000 ราย รองลงมาคือสเปน มีผู้ติดเชื้อกว่า 190,000 รายและผู้เสียชีวิตกว่า 20,000 ราย และอิตาลีมีผู้ติดเชื้อกว่า  172,000 รายและผู้เสียชีวิตกว่า  22,000 ราย

ส่วนอินโดนีเซียได้กลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือกว่า 6,200 ราย และมีผู้เสียชีวิต 535 ราย ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำประเทศอินโดนีเซียรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหลังการขยายการตรวจหาเชื้อเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในชุมชน อินโดนีเซียได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เป็นภัยพิบัติระดับชาติเนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดในทั่วประเทศ

องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19ในภูมิภาคแอฟริกา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด -19 ในภูมิภาคนี้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 60

ที่ยุโรป สภาล่างฝรั่งเศสได้อนุมัติร่างกฎหมายเพื่อลดภาษีมูลค่เพิ่ม สำหรับหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจากร้อยละ 20 ลงเหลือร้อยละ 5.5 โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะได้รับการยื่นเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาอนุมัติในวันที่ 21 เมษายนนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2022

ส่วนรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศจัดตั้งกลุ่มวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 โดยเผยว่า โครงการวิจัยใหม่ 21 โครงการจะได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนการลงทุน 14 ล้านปอนด์หรือคิดเป็น 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อผลักดันการรักษาและผลิตวัคซีน.