จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,604,712รายและมีผู้ที่ได้รับการรักษาหายสะสม1,184,428 ราย

ตามรายงานของเว็บไซต์ worldometers.info จนถึงบ่ายวันที่ 23 ธันวาคม ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมกว่า 277.4 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตสะสมเกือบ 5.4 ล้านราย

จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน หลายประเทศได้เพิ่มควมเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด 

โดยที่ญี่ปุ่น ผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนส่วนใหญ่ถูกตรวจพบในพื้นที่แยกตัวในสนามบินและผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ในขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการสังคมญี่ปุ่นได้ประกาศให้ทางการท้องถิ่นเพิ่มความระมัดระวังและเตรียมสถานที่สำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนในเบลเยียม คณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านโควิด-19 ของเบลเยียมได้ตัดสินใจใช้มาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาด

ที่อิตาลี นายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ได้ประกาศว่า รัฐบาลอิตาลีจะพิจารณาการขยายเป้าหมายที่ต้องบังคับให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่พนักงานทุกคนในหน่วยงานสาธารณสุข การศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายในอิตาลีต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน

ที่ทวีปอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม รัฐบาลเวเนซุเอลาประกาศว่าได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอน 7 รายแรก และสั่งให้หน่วยงานสาธารณสุขเร่งปฏิบัติมาตรการป้องกันการระบาด

นาง Maria Van Kerkhov หัวหน้าทีมเทคนิคของโครงการสาธารณสุขฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO เผยว่า WHO ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเพื่อยืนยันว่าไวรัสโอไมครอนสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเชื้อไวรัสเดลต้าหรือไม่ ในขณะเดียวกัน  นาย เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า การที่ประเทศร่ำรวยเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดสที่ 3 ได้เพิ่มความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงวัคซีนและเป็นเหตุผลที่ทำให้การระบาดยืดเยื้อออกไป และยืนยันว่า "วัคซีนที่มีในปัจจุบันสามารถลดความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอนได้".