รัฐสภาอภิปรายร่างกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไข (Photo:VTV online )

(VOVworld) –  วันที่๒๓เดือนนี้ รัฐสภาได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการประชุมครั้งที่๗โดยจะอนุมัติร่างกฎหมายและมติฉบับสำคัญต่างๆก่อนเสร็จสิ้นการประชุม เช่น ร่างกฎหมายศุลกากรฉบับแก้ไขและร่างกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฉบับแก้ไข อภิปรายร่างกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไขและ ร่างกฎหมายการบังคับคดีทางแพ่งฉบับแก้ไข อนุมัติมติเกี่ยวกับการลงคะแนนไว้วางใจต่อผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ มติเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารเคปทาวน์ มติเกี่ยวกับโครงการตรวจสอบของรัฐสภาปี๒๐๑๕ มติเกี่ยวกับการตรวจสอบหัวข้อ และมติเกี่ยวกับการตั้งและตอบกระทู้ถาม(ถ้ามี) โดยบ่ายวันที่๒๓เดือนนี้ รัฐสภาได้อนุมัติร่างกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมฉบับแก้ไข และ อภิปรายเกี่ยวกับร่างกฎหมายการบังคับคดีทางแพ่งฉบับแก้ไข

ส่วนช่วงเช้า รัฐสภาได้อนุมัติร่างกฎหมายศุลกากรฉบับแก้ไขและอภิปรายร่างกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไข สำหรับร่างกฎหมายการลงทุนฉบับแก้ไขมีทั้งหมด๙บรรพ มีการแก้ไข๔๙มาตรา ยกเลิก๒๙มาตราเมื่อเทียบกฎหมายฉบับปัจจุบัน ยกเลิกบรรพเกี่ยวกับการลงทุนประกอบธุรกิจที่ใช้เงินทุนของรัฐที่ได้รับระบุในเอกสารฉบับอื่น แก้ไขเนื้อหาเกี่ยวกับระเบียบการประกอบกิจกรรมลงทุนในเวียดนาม และในต่างประเทศ จุดใหม่ที่สำคัญในร่างกฎหมายครั้งนี้คือ การยกเลิกเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอออกใบรับรองจดทะเบียนลงทุนต่อโครงการลงทุนทุกโครงการ ยกเว้นโครงการลงทุนที่มีเงือนไข อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีสิทธิขอออกใบรับรองการจดทะเบียนลงทุนเพื่อปฏิบัติระเบียบการที่เกี่ยวข้อง

บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้ชื่นชมความพยายามในการปฏิรูประเบียบราชการให้แก่นักลงทุน รวมทั้งการยกเลิกใบรับรองการจดทะเบียนลงทุนแต่ก็มีผู้แทนบางคนแสดงความกังวลต่อการบริหารของรัฐในด้านเงินลงทุน โดยเฉพาะเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง นายเจิ่นยูหลีก ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์กล่าวว่า“กฎหมายการลงทุนควรมีนโยบายให้สิทธิพิเศษและช่วยเหลือการลงทุนโดยแบ่งเป็น๒ส่วนคือ การช่วยเหลือและให้สิทธิพิเศษซึ่งผมเห็นว่า กฎหมายต้องเน้นปัญหานี้ ๒คือ การบริหารแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าเวียดนามและแหล่งเงินลงทุนของเวียดนามในต่างประเทศ ๓คือสำหรับรูปแบบการลงทุนที่มิใช่นิติบุคคล พวกเราต้องมีข้อกำหนดที่รัดกุมเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน สินเชื่อและเงินทุนเพื่อจัดสรรทรัพยากรของรัฐให้ดีที่สุด”