คำประกาศดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายในตลอด 40 ปีที่ผ่านมาของสหรัฐเกี่ยวกับเขตตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลเนื่องจากได้ปฏิเสธหลักฐานทางนิตินัยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อปี 1978 ที่ว่า เขตตั้งถิ่นฐานเหล่านี้ขัดกับกฎหมายสากล

สำหรับปฏิกิริยาของอิสราเอลต่อคำประกาศดังกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจานิม เนธันยาฮูได้เผยว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวของสหรัฐคือการแก้ไขความผิดพลาดในประวัติศาสตร์

ในขณะเดียวกัน นาย Nabil Abu Rudaineh โฆษกของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มุด อับบาสได้ประณามคำประกาศดังกล่าวของสหรัฐว่า “เดินสวนกับกฎหมายสากล” และสหรัฐขาดความน่าเชื่อถือในกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง พร้อมทั้งยืนยันว่า “ทัศนะใหม่นี้ของสหรัฐไม่มีความหมาย ไม่สามารถยอมรับได้และควรถูกประณาม”

ส่วนสหภาพยุโรปหรืออียูได้ประกาศว่า การก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในดินแดนที่บุกยึดจากปาเลสไตน์คือการละเมิดกฎหมายสากล นโยบายเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานดังกล่าวของอิสราเอลได้ “ทำลายศักยภาพของมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติและศักยภาพของความมีสันติภาพอย่างยั่งยืน” โดยเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานดังกล่าวและปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของตน

มติฉบับต่างๆของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติระบุว่า เขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิวละเมิดกฎหมายสากลก็ต่อเมื่อละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ที่ห้ามประเทศที่บุกยึดดินแดนนำประชาชนของตนเข้าไปยังเขตดังกล่าว.