มติดังกล่าวได้ระบุถึงความวิตกกังวลของสหรัฐต่อยูเนสโก้ ความจำเป็นของการปรับปรุงโครงสร้างของยูเนสโก้และการที่ยูเนสโก้ธำรงอคติต่ออิสราเอล พร้อมทั้งยํ้าว่า สหรัฐจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้สังเกตการณ์เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อกิจกรรมต่างๆของยูเนสโก้

ต่อมติดังกล่าวของสหรัฐ  นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส  เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้แสดงความเสียใจต่อนโยบายดังกล่าวของสหรัฐ  แต่ให้คำมั่นว่า จะให้ความร่วมมือกับทางการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในปัญหาต่างๆผ่านองค์การระหว่างประเทศ  ส่วนนาง Irina Bokova ผู้อำนวยใหญ่การองค์การยูเนสโก้ก็ได้แสดงความเสียใจเช่นกัน พร้อมทั้งกล่าวว่า สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือพหุภาคีและสหประชาชาติ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้เตือนว่า การถอนตัวจากยูเนสโก้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบในทางลบต่อการดำเนินโครงการต่างๆของยูเนสโก้  ส่วนเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหประชาชาติได้เรียกร้องให้สหรัฐพิจารณามติดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมทั้งยืนยันว่า ยูเนสโก้ส่งเสริมและเชิดชูคุณค่าที่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐและสหรัฐมีบทบาทที่สำคัญในองค์การยูเนสโก้

ในวันเดียวกัน  นาย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลก็ได้ประกาศว่า อิสราเอลจะถอนตัวจากองค์การยูเนสโก้ด้วย

นาย  Hammad bin Al-Kawari (Photo: thepeninsulaqatar.com)

สำหรับการลงคะแนนเลือกผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก้รอบที่ 4 เมื่อบ่ายวันที่ 12 ตุลาคม นาย  Hammad bin Al-Kawari ผู้ลงสมัครของกาตาร์ได้คะแนนมากที่สุด คือ 22 คะแนนและเป็นคนแรกที่จะได้เข้ารอบที่ 5  ส่วนผู้ลงสมัครของฝรั่งเศสและอียิปต์ได้คะแนนเท่ากันคือ 18 คะแนน ซึ่งต้องแข่งขันกันเพื่อได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายที่มีขึ้นในบ่ายวันที่ 13 ตุลาคม ก่อนที่สภาบริหารองค์การยูเนสโก้ลงคะแนนรอบที่ 5.