การประชุมของรัฐบาลเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคมในเดือนกันยายนและใน 9 เดือนที่ผ่านมา (VGP)

(VOVworld) – วันที่ 29 กันยายน ในการประชุมของรัฐบาลเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคมในเดือนกันยายนและใน 9 เดือนที่ผ่านมา  บรรดาสมาชิกของรัฐบาลได้แสดงความเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจสังคมยังคงพัฒนาอย่างถูกทิศทางโดยเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว อัตราการขยายตัวใน 9 เดือนที่ผ่านมาบรรลุร้อยละ 5.14 ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือซีพีไอในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี แต่บรรดาสมาชิกของรัฐบาลยังแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจยังคงมีการฟื้นตัวอย่างล่าช้าและยังขาดความยั่งยืน การจัดเก็บรายรับเข้างบประมาณแผ่นดินยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับแผนการที่วางไว้ การผลิตและประกอบธุรกิจยังคงประสบอุปสรรคโดยจำนวนสถานประกอบการที่ระงับการดำเนินงานอยู่ในระดับสูง พร้อมทั้งเสนอว่า ต้องบริหารการปฏิบัติการประหยัดและการต่อต้านการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยให้เข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งประกาศใช้นโยบายพักลดและขยายระยะเวลาการชำระภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน พัฒนาการผลิตและประกอบธุรกิจ รวมทั้งแก้ไขพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี  ในการกล่าวปราศรัยสรุปผลการประชุม ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีได้ชี้ชัดว่า กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ในปีนี้ในระดับสูงที่สุด พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า ต้องผลักดันความมั่นคงของเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับเป้าหมายควบคุมภาวะเงินเฟ้อและให้การสนับสนุนการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเน้นแก้ไขอุปสรรคให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจอย่างเข้มงวดและเป็นรูปธรรมมากขึ้น“แต่ละกระทรวงมีหน้าที่ความรับผิดชอบบริหารภาครัฐ อำนวยความสะดวกและแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการในการผลิต การประกอบธุรกิจ การส่งออก การอุปโภคภายในประเทศและปกป้องสินค้าภายในประเทศ สำหรับสินค้าเถื่อน ผมได้สั่งให้รองนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกเน้นแก้ไขปัญหาแล้ว ถ้าหากป้องกันสถานการณ์สินค้าเถื่อนได้ การผลิตภายในประเทศจะมีความสะดวกและสร้างงานทำให้แก่แรงงานมากขึ้น”
สำหรับราคาสินค้า ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ได้สั่งให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆผลักดันการประสานงานในการบริหารตลาด ค้ำประกันอุปสงค์และอุปทาน โดยเฉพาะในช่วงตรุษเต๊ต  พร้อมทั้งเห็นพ้องกันว่า ต้องบริหารค่าไฟฟ้าและน้ำมันตามกลไกตลาดภายใต้ขั้นตอนที่เหมาะสม./.