ท่าน ฝ่ามมิงชิ้ง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กับนาย สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาว

ในการกล่าวปราศรัยเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า ภายหลังเกือบ 6 ทศวรรษแห่งการก่อตั้งและพัฒนา อาเซียนไม่เคยมีสถานะที่ดีและไม่เคยต้องเผชิญกับความท้าทายมากเหมือนในปัจจุบัน จากสถานการณ์ที่เป็นจริงดังกล่าว อาเซียนต้องมีวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ยกระดับการเป็นฝ่ายรุกและความสามารถในการปรับตัวเพื่อใช้โอกาส แก้ไขความท้าทาย พัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“บนเส้นทางแห่งการพัฒนาต้องมีความสามัคคี ความเชื่อมั่นและร่วมแรงร่วมใจจากทุกประเทศสมาชิก เรายึดมั่นปฏิบัติวิธีการเข้าถึงระดับโลกโดยมีการเข้าร่วมของประชาชนทุกคนเพื่อให้อาเซียนสามารถฟันฝ่าทุกสถานการณ์อย่างมั่นคง พัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน”

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยเปิดฟอรั่ม

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยืนยันว่า หลังจากเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนมาเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ  เวียดนามถือว่าอาเซียนเป็นหนึ่งในเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายต่างประเทศอยู่เสมอ โดยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อประชาคมอาเซียนที่สามัคคี เข้มแข็ง มีบทบาทและสถานะที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและโลก ความคิดริเริ่มในการจัดฟอรั่มอนาคตอาเซียนครั้งแรกในกรุงฮานอยก็เป็นความพยายามของเวียดนามเช่นกัน

ส่วนนาย สมไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาวและประธานอาเซียนในปี 2024 นาย Kao Kim Hourn เลขาธิการอาเซียน และบรรดาผู้นำอาเซียนต่างชื่นชมความคิดริเริ่มและเป็นเจ้าภาพฟอรั่มอนาคตอาเซียนของเวียดนาม ฟอรั่มครั้งนี้มีบทบาทเป็นกลไกของอาเซียนในการรับและชื่นชมความคิดริเริ่มและข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายใหม่ๆให้แก่อาเซียน นาย Kao Kim Hourn เลขาธิการอาเซียน ยืนยันว่า

“เวียดนามมีวิสัยทัศน์ในระยะยาวเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาของอาเซียน ดังนั้น ฟอรั่มอนาคตอาเซียนจึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับสิ่งที่อาเซียนกำลังดำเนินการเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ประชาคมจนถึงปี 2045 ฟอรั่มนี้มีขึ้นอย่างทันท่วงทีและจำเป็นอย่างมากเมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ดังนั้น ฟอรั่มจะให้ความคิดที่สร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้เราระบุความท้าทายและเส้นทางที่กำลังจะเดินได้ชัดเจนมากขึ้น.”

ภายหลังพิธีเปิด ได้มีการจัดการประชุม 2 นัดภายใต้หัวข้อ “อาเซียนพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” และ “การค้ำประกันความมั่นคงที่ครอบคลุมเพื่อประชาคมอาเซียนถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง”