(VOVWorld)-ในกรอบการเยือนประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ  วันที่๒๕พฤศจิกายน ณ เมืองโซจี  ท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้มีการเจรจากับท่าน วลาดีเมียร์ ปูติน  ประธานาธิบดีรัสเซียและมีการพบปะกับท่าน ดีมีตรี แมดเวเดฟ  นายกรัฐมนตรีรัสเซียและประธานพรรครัสเซียเอกภาพ

ท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและท่าน วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

ในการเจรจากับประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน  ผู้นำทั้งสองท่านได้ประเมินเกี่ยวกับกิจกรรมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา   รวมไปถึง  การดำเนินกิจกรรมต่างๆในระดับสูง  การปฏิบัติโครงการใหญ่ระหว่างสองประเทศ  แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในทุกด้าน  โดยเฉพาะ ระหว่างท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองประเทศ  หารือเกี่ยวกับปัญหาในภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน   ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในรัสเซียและผลักดันการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนทั้งสองประเทศ  บรรดาผู้นำทั้งสองท่านได้แสดงความประสงค์ที่จะสร้างพลับขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับรัสเซียให้เข้าสู่ส่วนลึกยิ่งขึ้น  ผลักดันคุณภาพและความมีเสถียรภาพของความร่วมมือทวิภาคีเพื่อมีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก

การเจรจาระหว่างท่าน เหงวียนฟู้จ๋อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวริสต์เวียดนามการพบปะกับนายกรัฐมนตรี ดีมีตรี แมดเวเดฟ

ส่วนในการพบปะกับนายกรัฐมนตรี ดีมีตรี แมดเวเดฟ  ท่านนายกรัฐมนตรีรัสเซียได้ประเมินว่า การเยือนรัสเซียครั้งนี้ของท่านเหงวียนฟู้จ๋องจะสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่  นี่เป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมือง  ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกับพรรครัสเซียเอกภาพ
ในการนี้ ท่าน เหงวียนฟู้จ๋องได้ย้ำว่า นโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ  ให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะเสริมสร้างและผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับรัสเซีย  ถือรัสเซียเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่สำคัญและน่าเชื่อถืออันดับแรกของเวียดนาม  พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามชื่นชมและมีความประสงค์ที่จะขยายความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพกับพรรครัสเซียเอกภาพ   สำหรับด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี  ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น๗พันล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๕และ๑หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๒๐
ท่าน เหงวียนฟู้จ๋องและท่าน ดีมีตรี แมดเวเดฟได้แสดงความพึงพอใจกับความร่วมมือทวิภาคีในด้านพลังงาน  ซึ่งเป็นด้านที่มีความหมายสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ  ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทปิโตรเลี่ยมแห่งชาติของทั้งสองประเทศในการขุดเจาะปิโตรเลี่ยมในเขตดินแดนของตน  พร้อมทั้ง ผลักดันความร่วมมือในการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลี่ยมในไหล่ทวีปของเวียดนามตามกฎหมายสากล  รวมทั้ง  อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒  เห็นพ้องที่จะผลักดันการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขยายและพัฒนาโรงกลั่นน้ำมันยุงก๊วกให้ทันสมัย  สำหรับด้านไฟฟ้านิวเคลียร์  ฝ่ายรัสเซียได้ยืนยันว่า จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเวียดนามในการปฏิบัติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงถ๋วน  โดยจะค้ำประกันความปลอดภัย  ให้ความช่วยเหลือเวียดนามในการสร้างกรอบทางนิตินัยให้แก่การปฏิบัติโครงการตามแผนการกำหนด  ฝึกอบรมบรรดาผู้เชี่ยวชาญ  เจ้าหน้าที่บริหารในการดำเนินงานของโรงงาน

ผู้นำสองประเทศเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

ท่าน เหงวียนฟู้จ๋องได้เสนอว่า ในเวลาที่จะถึง ฝ่ายรัสเซียจะอำนวยความสะดวกให้แก่ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยและทำงานอย่างชอบด้วยกฎหมายในรัสเซีย  ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายเวียดนามในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึงชมรมชาวเวียดนาม  สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายรัสเซียและกฎหมายของเวียดนามบนเจตนารมณ์ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศเพื่อช่วยให้ชมรมชาวเวียดนามในรัสเซียมีส่วนร่วมต่อภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ   ท่าน เหงวียนฟู้จ๋องยังย้ำว่า เวียดนามพร้อมที่จะให้การสนับสนุนรัสเซียในการส่งเสริมบทบาทในการรักษาสันติภาพ  เสถียรภาพ ความมั่นคงและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ส่วนท่าน ดีมีตรี แมดเวเดฟได้ให้คำมั่นว่า รัสเซียจะให้การสนับสนุนเวียดนามสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสภาเศรษฐกิจสังคมของสหประชาชาติวาระปี๒๐๑๖-๒๐๑๘และสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี๒๐๒๐-๒๐๒๑
สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก  ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า การพิพาททางทะเลต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติบนพื้นฐานของกฏหมายสากล  รวมทั้ง อนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒  ปฏิบัติแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างสมบูรณ์และมุ่งสู่การร่างระเบียบปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว./.