ภาพการประชุม (VGP)

ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความมั่นคงเป็นหนึ่งในความร่วมมือหลักและมีประสิทธิภาพของความสัมพันธ์ทวิภาคี ในสภาวการณ์ในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด แลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ในการรับมือการแพร่ระบาดทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี

นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ แสดงความเห็นว่า ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การคาและการลงทุนคือความร่วมมือหลักที่ต้องผลักดันในการเวลาที่จะถึง เสนอให้ทั้งสองฝ่ายพยายามธำรงการพัฒนาความร่วมมือด้านการค้า พยายามนำมูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุ 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลาให้เร็วที่สุดและลงนามบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านการคุ้มครองการค้าโดยเร็ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเรียกร้องให้ลงทุนในด้านที่อินเดียมีจุดแข็งและเวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อพัฒนา เช่นเทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและการเกษตรที่มีคุณภาพสูง

ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียได้ชื่นชมบทบาทประสานงานของเวียดนามในความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดียในช่วงปี 2015-2018 ทั้งสองฝ่ายยืนยันถึงความสำคัญของการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน แก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกผ่านมาตรการที่สันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลหรือ UNCLOS ปี 1982 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพกลไกการแก้ไขการพิพาทของ UNCLOS

ในการปิดการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศเอกสารสำคัญ 2 ฉบับที่ได้รับการลงนามในโอกาสนี้ ประกอบด้วย บันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือระหว่างสถาบันการทูตเวียดนามกับสถาบันฝึกอบรมการทูตอินเดีย ศุษมา สวราช  และบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือระหว่างองค์การการเดินเรือแห่งชาติอินเดียกับสถาบันวิจัยทางทะเลและหมู่เกาะเวียดนาม.