เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030

(VOVWORLD) -วันที่ 5 กรกฎาคม ณ สำนักรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้มีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี Han Duck-so
เวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 - ảnh 1นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้มีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี Han Duck-so(Photo: TTXVN)

ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้ยืนยันว่า เวียดนามยืนหยัดแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นเพื่อนมิตร เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมโลก  เวียดนามถือสาธารณรัฐเกาหลีเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ มีความประสงค์ที่จะร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ร่วมของประชาชนทั้งสองประเทศ มีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภพา ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก

นายกรัฐมนตรีทั้งท่านได้เห็นพ้องเกี่ยวกับมาตรการผลักดันความสัมพันธ์ในเวลาที่จะถึง รวมทั้ง การปฏิบัติผลการเจรจาระหว่างเลชาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ่องกับประธานาธิบดี Yoon Suk-yeol  ร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อปฏิบัติกิจกรรมรำลึกครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2022 ปฏิบัติกลไกความร่วมมือ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเกาหลี ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคเพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค้าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และ1 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 สนับสนุนการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งของเวียดนาม เช่นผลิตภัณฑ์การเกษตร ผลไม้ ส่งเสริมให้สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานหมุนเวียน  เป็นต้น อำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการสาธารณรัฐเกาหลีในการลงทุนในเวียดนาม ผลักดันความร่วมมือด้านแรงงาน การท่องเที่ยว การพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน  เป็นต้น

สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมเกี่ยวกับการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ การรักษาความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก การแก้ไขปัญหาการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติ ค้ำประกันสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศต่างๆที่สอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้ง อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายปี 1982.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด