ภาพการประชุม (VNA)

ในการนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะความท้าทายความมั่นคงแบบเก่าและแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิภาคอาเซียน อนุมัติแผนปฏิบัติงานในระยะ 2 ปีของกองทัพประเทศอาเซียนช่วงปี 2021-2023 พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ร่วม ACDFM-18

ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม พลโทอาวุโส เหงียนเฟืองนาม รองเสนาธิการใหญ่กองทัพเวียดนามได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคและโลก โดยย้ำว่า ในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ความท้าทายด้านความมั่นคงยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไร้เสถียรภาพ โดยเฉพาะความมั่นคงทางทะเล            “ในยุคปัจจุบัน  การธำรงบรรยากาศในทะเลให้มีสันติภาพ เสถียรภาพ เสรีภาพและปลอดภัยไม่เพียงแต่เป็นผลประโยชน์ของประเทศริมฝั่งทะเลเท่านั้น หากยังของประเทศอื่นๆอีกด้วย ดังนั้น จำเป็นต้องผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ ปฏิบัติต่อกันตามกฎหมายสากล เช่น อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลและคำมั่นต่างๆในภูมิภาค ดังนั้นความเห็นพ้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ผมเห็นด้วยและขอชื่นชมร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมครั้งนี้ ซึ่งย้ำถึงคำมั่นของทุกประเทศในการธำรงสันติภาพ ความมั่นคง การเดินเรือและการบินอย่างเสรีในทะเลตะวันออก การสร้างสรรค์ความไว้วางใจ ปฏิบัติดีโอซีอย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์และเร่งเสร็จสิ้นการจัดทำซีโอซีที่สอดคล้องกับกฎหมายสากลโดยเร็ว”

ในการนี้ คณะผู้แทนเวียดนามยังเสนอแนวทางความร่วมมือระหว่างกองทัพของบรรดาประเทศอาเซียนในเวลาข้างหน้า โดยเฉพาะการยกระดับภาพลักษณ์เกี่ยวกับอาเซียนผ่านความคิดริเริ่มปักธงอาเซียนข้างธงชาติของแต่ละประเทศอาเซียนในหน่วยทหารของบรรดาประเทศอาเซียนที่เข้าร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เป็นต้น พลโทอาวุโส เหงียนเฟืองนามยังยืนยันคำมั่นของเวียดนามในการเข้าร่วมอย่างมีความรับผิดชอบในกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพของบรรดาประเทศอาเซียน โดยเฉพาะในฐานะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมต่างๆในเวลาที่จะถึง

หลังการประชุม ได้มีการมอบตำแหน่งประธาน ACDFM ให้แก่กัมพูชา ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปี 2022.