ศาสตราจารย์ Carlyle Thayer จากมหาวิทยาลัย New South Wales ประเทศออสเตรเลีย (Getty)

ศาสตราจารย์ Carlyle Thayer จากมหาวิทยาลัย New South Wales ประเทศออสเตรเลียได้ยืนยันว่า การที่เวียดนามได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งที่ 2 ได้สะท้อนให้เห็นว่า ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นต่อการรักษาความปลอดภัยและการเตรียมพร้อทมของเวียดนามและเวียดนามมีประสบการณ์ในการจัดการประชุมระดับนานาชาติ ดังนั้น เวียดนามจะประสบความสำเร็จในการจัดการประชุมครั้งนี้ อีกทั้งย้ำว่า ไม่สามารถปฏิเสธสถานะและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลกที่นับวันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความไว้วางใจของประชาคมโลกต่อ “ความสามารถ บทบาทในเชิงสร้างสรรค์ของเวียดนามในปัญหาความมั่นคงและสันติภาพของภูมิภาคและโลก” “ปีหน้า เวียดนามจะเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประธานอาเซียน อาเซียนมีส่วนร่วมและให้การช่วยเหลือต่อกระบวนการสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ดังนั้นการที่ผู้นำสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเลือกเวียดนามเป็นสถานที่จัดการประชุมก่อนเวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนก็เป็นการส่งสาส์นถึงอาเซียนและเวียดนามด้วยความประสงค์ว่า อาเซียนและเวียดนามจะมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อกระบวนการสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี”

ส่วนดร. Euan Graham ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการเอเชียสังกัดมหาวิทยาลัย La Trope ได้แสดงความเห็นว่า การมองเห็นผลงานที่เวียดนามได้บรรลุหลังจากรวมประเทศเป็นเอกภาพ ปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศที่สมดุลและเปิดกว้างได้สร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อให้สหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเลือกกรุงฮานอยเป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งที่ 2 “ผมคิดว่า การเลือกเวียดนามเป็นสถานที่จัดการประชุมมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสองประเทศ สำหรับสหรัฐ เวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐไม่นาน แต่สำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ช่วงปี 1950 เมื่อปี 1960 ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้เดินทางมาเยือนเวียดนามและประธานโฮจิมินห์ก็เดินทางไปยังกรุงเปียงยาง ดังนั้น เวียดนามมีความเหมาะสมในการเป็นสถานที่จัดการประชุมระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเลือกเวียดนามเป็นสถานที่จัดการประชุมยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เพราะนี่คือประเทศที่เคยถูกแบ่งแยกและปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลังจากรวมประเทศเป็นเอกภาพ”

ในโอกาสการประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งที่ 2 ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเวียดนาม ณ กรุงจาการ์ตา บรรดาผู้เชี่ยวชาญอินโดนีเซียได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทของเวียดนามในการเชื่อมโยงด้วยความหวังว่า การประชุมจะนำมาซึ่งผลงานที่น่ายินดี โดยนาย Beni Sukadis ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประสานงานของสถาบันวิจัยกลาโหมและยุทธศาสตร์อินโดนีเซียได้แสดงความเห็นว่า การประชุมสุดยอดสหรัฐ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งที่ 2 ณ กรุงฮานอยคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เวียดนาม เป็นการยืนยันถึงบทบาทและสถานะของเวียดนามที่นับวันสูงเด่นบนเวทีโลก โดยเฉพาะเวียดนามสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทเป็นคนกลาง มีความสัมพันธ์ที่ดีงามกับทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

ส่วนรองศาสตราจารย์ ดร. Dinna Wisnu ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐกิจการเมืองของมหาวิทยาลัย Bina Nusantara และมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียได้ย้ำว่า การที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการประชุมคือสิ่งที่เหมาะสมและอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งสองประเทศ.