แถลงการณ์ร่วมเวียดนาม-ญี่ปุ่น
(VOVWORLD) - ในโอกาสการเยือนประเทศญี่ปุ่นของท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศเวียดนามในระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมถึงวันที่ 2 มิถุนายน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางและนาย ชินโซอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ออกแถลการณ์ร่วม
ท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศเวียดนาม และนาย ชินโซอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น |
แถลการณ์ร่วมระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 ประเทศยืนยันว่า พร้อมร่วมมือเพื่อนำความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกพัฒนาเข้าสู่ระยะต่อไปอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพในทุกด้าน พร้อมทั้งประสานงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหม ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อรับมือกับปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ เช่น ปัญหาความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต การต่อต้านอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย การค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหารและแหล่งน้ำ
ในด้านเศรษฐกิจ ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันว่า จากความคิดริเริ่มเวียดนาม-ญี่ปุ่นและคณะกรรมการผสมเวียดนาม-ญี่ปุ่นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การค้าและพลังงาน เวียดนามจะสามาถปรับปรุงระบบกฎหมายและบรรยากาศการลงทุนอย่างโปร่งมากขึ้น พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งถึงการประสานงานอย่างใกล้ชิดในการปฏิบัติวิสัยทัศน์ความร่วมมือด้านการเกษตรระยะกลางวและระยะยาว การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพื่อการขยายตัวอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการประชาสัมพันธ์
ทั้ง 2 ฝ่ายได้ชื่นชมผลความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศให้พัฒนาเข้าสู่ส่วนลึกมากขึ้น พร้อมทั้งชื่นชมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น ชื่นชมการลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือCPTPPและยืนยันว่า จะผลักดันให้CPTPPมีผลบังคับใช้โดยเร็ว
สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ทั้ง 2 ฝ่ายได้แสดงความวิตกกังวลและเห็นพ้องกันว่า เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ความพยายามทางการทูตต้องมุ่งเน้นการปฏิบัติกฎหมายสากลอย่างสมบูรณ์ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เพื่อทะเลตะวันออกที่สันติภาพและเสถียรภาพ
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้ชื่นชมการพบปะสุดยอดระหว่าง 2 ภาคเกาหลีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อแสวหามาตรการแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่บนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการเจรจาร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว รวมถึงการเพิ่มจำนวนประเทศสมาชิกถาวรและไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ.