กิจกรรมต่างๆของชุมชนไทยในภาคเหนือเพื่อร่วมกับเวียดนามรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
Minh Lý -  
(VOVWORLD) - ในช่วงนี้ นอกจากปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการต่างๆของรัฐบาลเวียดนามในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัดแล้ว ชุมชนไทยในภาคเหนือยังมีกิจกรรมต่างๆเพื่อร่วมกับรัฐบาลเวียดนามรับมือการแพร่ระบาด โดยล่าสุดนี้ สถานทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้จัดกิจกรรมรับบริจาคเงิน มูลค่า 1.7 พันล้านด่ง หรือ ประมาณ กว่า ๒.๕ ล้านบาทและสิ่งของต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจากภาคเอกชนและสถานประกอบการไทยในภาคเหนือเพื่อมอบให้แก่แนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามเพื่อสนับสนุนงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดในเวียดนาม
ทีมประเทศไทย ภาคเอกชนและชุมชนไทยในเวียดนามเป็นผู้แทนชาวไทยในเวียดนาม เข้าพบนาย Tran Thanh Man ประธานคณะกรรมการกลางแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม เพื่อมอบวัสดุทางการแพทย์และเงินสมทบทุนจำนวนรวมกว่า ๑.๗ พันล้านด่ง (กว่า ๒.๕ ล้านบาท) ให้แก่เวียดนาม (ภาพจาก Fanpage สถานทูตไทย ณ กรุงฮานอย) |
หลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคมตามมติที่ 16ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24เมษายนที่ผ่านมา Thai Business Club ในภาคเหนือ และบริษัทใหญ่ๆ เช่น บริษัทหุ้นส่วน Prime group สังกัดเครือบริษัท SCG บริษัทไทยซัมมิทเวียดนาม เครือบริษัท Phú Thái บริษัท Mega Lifesciences Vietnamและบริษัทหุ้นส่วน Siam-vina golf เป็นต้น ได้มอบเงินและสิ่งของต่างๆให้แก่สถานทูตไทย ณ กรุงฮานอย โดยผู้ที่มาร่วมกิจกรรมจะถูกวัดอุณหภูมิร่างกาย สวมหน้ากากอนามัยและมีการเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 2เมตร นาย ชัยพร สุปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทหุ้นส่วน Prime group สังกัดเครือบริษัท SCG และนางสาว พยอม นาหอคำ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Chance and challenge หรือ CAC ได้เผยว่า นอกเหนือจากกิจกรรมดังกล่าว ทางบริษัท Prime และCAC ยังมีกิจกรรมต่างๆในการสนับสนุนชุมชนป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด
“เราก็มอบให้กับแนวร่วมปิตุภูมิของจังหวัด 200ล้านเพื่อเอาไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ บริษัทอื่นของ SCG ก็จะมีบริจาคให้กับแนวร่วมปิตุภูมิในแต่ละพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นทางภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนี้ ในพื้นที่ เราจะดูแลชุมชนโดยรอบ ก็จะมีน้ำยาล้างมือที่เราผลิตเอง เอาไปมอบให้กับทั้งชุมชนลูกค้า พนักงาน แล้วก็หน่วยงานราชการในพื้นที่ ที่ศูนย์กักตัวอย่างหมู่บ้านเซินโลยที่ล็อกดาวน์ ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปประจำจุดคอยตรวจสอบคนเข้าคนออก เราก็เอาพวกอาหารและอุปกรณ์ที่จำเป็นมอบให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย”
“ทางเราเห็นว่าในศูนย์กักตัวก็คือมีจำนวนคนเข้าพักเยอะ อาจจะมีภาวะเหมือนอาหาร อาจจะไม่เพียงพอ ทางเราก็เป็นบริษัทที่นำเข้าสินค้าไทยในกลุ่มของอาหารแห้ง เราก็เลยได้มอบเป็นส่วนเล็กๆให้กับศูนย์กักตัว แล้วก็ล่าสุดอย่างทางท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ฮานอยก็แจ้งว่ามีนักศึกษาติดอยู่ในหอพักจำนวนหนึ่ง แล้วมีภาวะเรื่องของอาหาร น้องๆบอกว่า อาหารไม่เพียงพอ แล้วก็มีนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมสด พวกน้ำ ผลไม้ เอาไปมอบให้น้องๆเพิ่มเติม”
กิจกรรม Put our heart into Food ของซีพี (ภาพจาก Fanpage ของบริษัทซีพีเวียดนาม) |
ก็เหมือนบริษัท CAC จากจุดแข็งที่ประกอบธุรกิจทางด้านเกษตรและอาหารหลายชนิด บริษัทซีพีเวียดนามได้จัดกิจกรรมต่างๆเพื่อชุมชน โดยเมื่อเร็วๆนี้ ได้มีการจัดกิจกรรม Put our heart into Food ที่แจกอาหารฟรีให้แก่ครอบครัวที่ยากจน แรงงานที่ตกงาน ผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล เด็กเร่ร่อนหรือคนไร้ที่พึ่งที่ประสบความเดือดร้อนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 กิจกรรมนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25เมษายนถึงวันที่ 6พฤษภาคม ตั้งแต่วันจันทร์-วันเสาร์โดยแต่ละวันแจกข้าว๓๐๐กล่อง ที่บริเวณด้านหน้าบ้านเลขที่ 157ถนนหลากเหงียบและโรงพยาบาลปอดฮานอย นาย โงวันดง พนักงานแผนกทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทซีพีเวียดนามได้เผยว่า กิจกรรมนี้ของซีพีได้รับการปฏิบัติในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศเวียดนามเพื่อช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด
“ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 6พฤษภาคม เราจะปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าว แม้กระทั่งในช่วงหยุดในโอกาสรำลึกวันปลดปล่อยภาคใต้รวมประเทศเป็นเอกภาพ 30เมษายนและวันแรงงานสากล 1พฤษภาคม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด”
ท่านธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยรับ บริจาคเงินและสิ่งของจากภาคเอกชนและสถานประกอบการไทยในภาคเหนือ |
สาเหตุที่ทำให้สถานประกอบการไทยมีความเห็นอกเห็นใจและมีกิจกรรมต่างๆเพื่อชุมชนนั่นเป็นเพราะความผูกพันและการแบ่งปันทั้งผลประโยชน์และปัญหาต่างๆในฐานะเป็นสมาชิกในชุมชนดั่งเช่นคำกล่าวของนาย ชินโชติ โมอ่อน ผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วน Prime group และประธานThai Business Club ในภาคเหนือ ว่า“การที่เรามาลงทุนในประเทศเวียดนาม เราไม่ได้ต้องการลงทุนมาเพื่อแค่ประสบความสำเร็จตามนโยบาย หรือ แนวทางในการลงทุนอย่างเดียว เรามาอยู่ในประเทศเวียดนาม เรามองว่า หนึ่งคือเราเหมือนสมาชิกของเวียดนาม เรามาเป็นนักลงทุนผู้ประกอบการ เราทำผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่เพื่อของเราอย่างเดียว และเราก็คือมีกำหนดแนวทางที่ว่า เราจะทำงานหรือ ประกอบการอย่างไรว่าเราเป็นสมชิกที่ดีคนหนึ่งของเวียดนามแล้วเราจะดูแลพื้นที่ที่เราประกอบการ หรือ communityที่เราอยู่ให้ดีได้อย่างไร”
ส่วนสำหรับสถานทูตไทย ณ กรุงฮานอย นอกจากดูแลและช่วยเหลือชุมชนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดแล้ว ทางสถานทูตฯยังให้ความสนใจปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อชุมชน ท่านธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้เผยว่า “ตัวผมก็ไปกับภริยา ไปมอบข้าวสารที่ตู้ ATM ข้าวสาร เราชอบเพราะเป็น idea ที่ดีมาก เราก็เอาข้าวสารไปมอบหลายครั้งแล้ว ครั้งต่อไปหลังจากนี้ เราจะเชิญสำนักงานต่างๆ ชุมชนไทยร่วมด้วยก็ได้ เราจะไปมอบที่ชุมชน แจกเองเลย เราตั้งใจว่าจะทำอย่างนั้น”./.
Minh Lý