(VOVWORLD) -ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยนับวันยิ่งได้รับการพัฒนาอย่างดีงามในทุกด้าน โดยเฉพาะ ด้านการศึกษา ในหลายปีที่ผ่านมา ความต้องการเรียนภาษาไทยของนักศึกษาเวียดนามนับวันเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ปี2009 สถานทูตไทยประจำเวียดนามได้จัดการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศ ซึ่งการประกวดถูกจัดขึ้น2-3ปีต่อครั้ง นี่เป็นโอกาสเพื่อให้บรรดานักศึกษาเวียดนามที่กำลังเรียนภาษาไทยพบปะสังสรรค์และส่งเสริมให้นักศึกษาเวียดนามผลักดันการเรียนภาษาไทย ซึ่งบรรดานักศึกษาจะกลายเป็นสะพานเชื่อมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ผู้เข้าร่วมการประกวด |
“ในตลอด4ปีที่เรียนภาษาไทยและศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย หนูได้เข้าใจคนไทยมากขึ้นแต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั่นคือความรู้สึกว่า คนไทยใจดี ตั้งแต่วันแรกหนูพูดภาษไทยยังไม่คล่อง มีเพื่อนคนไทยอยู่เคียงข้างและช่วยแก้ไขให้หนู จนถึงทุกวันนี้ ตอนที่หนูท้อแท้ ผิดหวังหรือทุกครั้งที่ได้รับทุนการศึกษาและรางวัลต่างๆ ก็มีเพื่อนคนไทยอยู่เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยเสมอ หนูสัมผัสกับน้ำใจและความเป็นมิตรของชาวไทยที่มีต่อชาวเวียดนาม”
นี่คือส่วนหนึ่งในบทสุนทรพจน์ของน.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจิน นักศึกษาปีที่4จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ในการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่5ภายใต้หัวข้อ “ไทย-เวียดนาม เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด มิตรที่ผูกพัน”ที่มีขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยฮานอย ด้วยเสียงพูดที่นุ่มนวล มีเสน่ห์บวกกับความสามารถด้านภาษาไทยที่ดี น.ส.หวอเจิ่นบ๋าวเจินได้สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการตัดสินและผู้เข้าร่วมกว่า200คน ซึ่งบทสุนทรพจน์ของน.ส.เจิมมีหัวข้อใหม่ที่ย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในด้านการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน
“หนูคิดว่า เวียดนามได้ร่วมมือกับไทยในหลายด้านและแน่นอนว่า ผู้เข้าร่วมการประกวดคนอื่นจะกล่าวถึงด้านนั้น ดังนั้น หนูก็เลือกหัวข้อพิเศษและมีความใกล้ชิดกับหนู ซึ่งข้อมูลในบทสุนทรพจน์มาจากความรู้สึกของหนูเมื่อมีโอกาสไปเยือนประเทศไทย2ครั้งตามโครงการเอกอัครราชทูตมิตรภาพและโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา”
ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นักศึกษาแต่ละคนมีเวลา 3 นาทีเพื่อบรรยายความรู้ของตนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยและมีอีก 2นาทีเพื่อแสดงทักษะความสามารถด้านภาษาไทยตามหัวข้อที่จับฉลากได้ |
หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดการประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยมา4ครั้ง การประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยครั้งที่ 5 ได้รับความสนใจจากนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยฮานอย มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย ภายใต้หัวข้อ“ไทย-เวียดนาม เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด มิตรที่ผูกพัน” การประกวดรอบแรกได้รับบทความเข้าร่วมเกือบ60 บทความและได้คัดเลือก 20 คนเพื่อเข้าร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดังนั้นทุกคนที่เข้าร่วมการประกวดในวันนี้ต่างรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจมากดังคำกล่าวของน.ส.เลแทงเหวี่ยน ซึ่งเป็นนักศึกษามาหาวิทยาลัยฮานอยและบุ่ยแองต๊วน ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย
“หนูรู้สึกโชคดีมากๆเมื่อเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประกวด20คนที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ เมื่อขึ้นเวที หนูรู้สึกตื่นเต้นมากๆแต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์และเพื่อนๆ หนูมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าร่วมการประกวดนี้ ผมดีใจมากๆที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศเพราะนี่เป็นความฝันของผมมานานแล้ว ในการเข้าร่วมการประกวดนี้ ผมอยากแสดงความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนภาษาไทยในเวียดนามและความรักต่อภาษาไทย”
น.ส.วันทนีย์ วิพุธวงศ์สกุล อุปทูตสถานทูตไทยประจำเวียดนามและหัวหน้าคณะกรรมการตัดสินและคุณ นิทัศน์ นาถมทองจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามได้ประเมินเกี่ยวกับทักษะความสามารถด้านการพูดภาษาไทยของผู้เข้าร่วมการประกวดปีนี้ว่า
“ปีนี้ ฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากเพราะนักศึกษาแต่ละท่านมีความสามารถในการเขียนและพูดภาษาไทยได้ดีขึ้นและตัดสินได้ยากว่า ใครจะเป็นผู้ชัยชนะ”
“ผมชื่นชมความสามรถด้านภาษาไทยของน้องๆทุกคน น้องๆเป็นคนเวียดนามแท้ๆแต่สามารถพูดภาษไทยอย่างคล่อนแคล่วและมีไหวพริบในการตอบคำถามของคณะกรรมการตัดสิน”
ภายหลังดำเนินมาเป็นเวลา3ชั่วโมง การประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทยทั่วประเทศครั้งที่5ได้เสร็จสิ้นลง ซึ่งคณะกรรมการตัดสินได้มอบรางวัลที่หนึ่ง1รางวัล รางวัลที่สอง1รางวัลและรางวัลที่สาม 1รางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวด ซึ่งรางวัลที่หนึ่งเป็นของน.ส. หวอเจิ่นบ๋าวเจินนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ แม้จะได้รับรางวัลหรือไม่แต่การเข้าร่วมการประกวดครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับนักศึกษาทุกคนดังคำกล่าวของนาง ฝุ่งถิเหืองยาง อาจารย์จากศูนย์เผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมไทยสังกัดมหาวิทยาลัยฮานอย
“การประกวดครั้งนี้เป็นโอกาสเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองประเทศที่ได้รับการพัฒนาในตลอด42ปีที่ผ่านมา พวกเราหวังว่า ผ่านการประกวดครั้งนี้ นักศึกษาจะเพิ่มความรู้เกี่ยวกับภาษา วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งเป็นประเทศที่น้องๆกำลังศึกษาภาษา”