กระทงสวยงามหลากสีสัน

เวลา 18.30 เมื่อพระจันทร์เต็มดวงเริ่มสาดแสงมายังบริเวณลานกลางแจ้งพื้นที่เกือบ 1 พันตารางเมตรของ Hanoi Club ที่อยู่ห่างจากถนน เอียนฝุ 500 เมตร ใกล้ทะเลสาบโห่ไตได้มีการเปิดงานลอยกระทง บนเวทีที่มีพื้นที่ประมาณ 20 ตารางเมตรและมี background คือภาพถ่ายกระทงที่เหมือนดอกบัวบนผิวน้ำส่องแสงระยิบระยับ มองไกลๆคือวัดไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ศิลปินไทยกำลังฟ้อนรำตามจังหวะของเพลงพื้นเมืองซึ่งมักแสดงในเทศกาลลอยกระทง
พื้นที่รอบๆเวทีมีการตั้งโต๊ะกว่า 30 ตัวที่ใช้โชว์กระทงนับสิบใบซึ่งมีรูปแบบและการตกแต่งที่ไม่เหมือนกันโดยมีกระทงโบราณที่ทำจากต้นกล้วย ใบตองและถูกประดับด้วยดอกไม้สดและปักธูปเทียนไว้ที่กลางกระทง แต่ที่โดดเด่นคือกระทงสมัยใหม่ที่นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เช่นกระทงที่มีรูปทรงเหมือนวัดวาอารามและขนมหลากหลายสีสัน เช่น สีชมพู สีเขียว สีขาวและสีเหลือง นอกจากนั้นก็มีโต๊ะสำหรับผู้ที่อยากทำกระทงด้วยตนเองโดยมีอุปกรณ์เตรียมให้พร้อมทั้งกลีบดอกบัว ใบตองและโฟม โดยเฉพาะคณะกรรมการจัดงานได้นำเข้าวัสดุบางชนิดจากเมืองไทย เช่นธูปเทียน กล้วยไม้และดอกมะลิ คุณมิงหั่งและคุณแหม่งเหียวจากมหาวิทยาลัยฮานอยพร้อมกับผู้เข้าชมงานนับสิบคนกำลังนั่งเก้าอี้ ตั้งใจทำกระทงโดยเริ่มกลัดกลีบดอกบัวบนฐานกระทงที่ทำจากโฟมสีขาว “ดิฉันเห็นว่า นี่คือกิจกรรมที่มีความหมาย การทำกระทงด้วยตนเองจะมีความหมายมากขึ้นในการอธิษฐานขอโชคลาภและสิ่งที่ดีงาม การทำอย่างนี้ยังช่วยให้ดิฉันมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย ดิฉันเรียนภาษาไทยจึงอยากทำกระทงด้วยตนเองซึ่งที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอย่างนี้ ในการเข้าร่วมงานลอยกระทงในปีนี้ ดิฉันได้อธิษฐานขอให้เรียนภาษาไทยได้ดีขึ้น มีโอกาสเดินทางไปประเทศไทยและขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนามากขึ้น”
“นี่คือเทศกาลพื้นเมืองของไทยที่ผมเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ผมเห็นว่า นี่คือกิจกรรมที่อบอุ่น มีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมเวียดนาม”

ศิลปินไทยแสดงในงาน

ตอนนี้คือเวลา 20.00 น. จำนวนแขกที่มาร่วมงานได้เพิ่มมากขึ้นโดยมีประมาณ 400 คนซึ่งในนั้นมีทั้งผู้สูงอายุและเด็กๆโดยเด็กๆอายุตั้งแต่ 4-5 ขวบกำลังวิ่งเล่นรอบๆโต๊ะที่ใช้โชว์กระทง เราได้คุยกับคุณลุง เลเติม ซึ่งเคยทำงานที่เมืองไทยเป็นเวลา 10 ปีโดยคุณลุงเติมเผยว่า นับตั้งแต่เดินทางกลับประเทศเวียดนามเมื่อปี 2006 ทุกปี คุณลุงจะมาร่วมงานลอยกระทงในกรุงฮานอย นี่คือโอกาสเพื่อให้เขาย้อนอดีตความทรงจำที่เคยทำงานในประเทศไทย ตลอดจนกิจกรรมวัฒนธรรมของประเทศไทย“วันนี้ ผมเข้าร่วมงานลอยกระทงซึ่งเป็นเทศกาลพื้นเมืองของประเทศไทย ผมรู้สึกปลื้มปิติยินดี ทุกปี สถานทูตไทยประจำเวียดนามจะจัดกิจกรรมนี้ซึ่งทุกครั้งเมื่อเข้าร่วมงานผมมองเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างเวียดนามกับไทย”

นาย ปัญญารักษ์ พูลทรัพย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำเวียดนามตัดริบบิลเปิดงาน

ประเพณีลอยกระทงมีต้นกำเนิดในสมัยสุโขทัยเมื่อ 700 กว่าปีก่อนโดยถูกจัดขึ้นในวันข้างขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยซึ่งในช่วงนี้ หลังฤดูฝน ทะเลจะหนุนให้น้ำในแม่น้ำสายต่างๆสูงขึ้น และยังเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงและสว่างที่สุดจึงเหมาะสมกับการลอยกระทง นาย ปัญญารักษ์ พูลทรัพย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำเวียดนามได้เผยว่า“งานลอยกระทงในประเทศไทยจัดขึ้นทุกวันพระจันทร์เต็มดวงเดือนพฤศจิกายนทุกๆปี ความหมายก็คือประเทศไทยคือประเทศเกษตรกรรมต้องพึ่งพาน้ำจืดในการเพาะปลูก งานลอยกระทงก็คือโอกาสที่ประชาชนชาวไทยจะไปริมฝั่งแม่น้ำเพื่อลอยกระทงเพื่อขอขมาพระแม่คงคาซึ่งเหมือนเทพเจ้าดูแลน้ำสะอาดให้คนมีน้ำสะอาดใช้ทั้งปลูกพืช ทั้งใช้อาบน้ำ ทำความสะอาดสิ่งต่างๆ ก็เป็นโอกาสเพื่อขอขมาพระแม่คงคาที่บางโอกาสเราทำน้ำสกปรกหรือทิ้งขยะลงในแม่น้ำ เราก็ถือโอกาสนี้เพื่อขอโทษขมาพระแม่คงคา เราจัดล่วงหน้า 1 เดือนเพื่อให้คนประทับใจงานนี้มีโอกาสตัดสินใจไปดูงานของจริงในเดือนหน้าในวันพระจันทร์เต็มดวงในเดือนพฤศจิกายนที่เมืองไทย”

เวลา 22.00 น. เมื่อแสงพระจันทร์เต็มดวงก็เป็นช่วงที่แขกหลายคนทำกระทงเสร็จ พวกเขาเริ่มลอยกระทงลงในทะเลสาบโห่ไต แสงสว่างจากกระทงทำให้ทะเลสาบโห่ไตมีความงดงามมากขึ้นซึ่งทุกคนหวังว่า คำอธิษฐานจะสมหวังจากงานลอยกระทงนี้.