การฝึกอบรมมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1-20 ตุลาคม โดยมีผู้เข้าร่วม 30 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แกนหลักของกองเยาวชนประชาชนปฏิวัติส่วนกลางของลาว สำนักงานส่วนกลางบางแห่ง เลขาธิการ รองเลขาธิการกองเยาวชนของ 18 แขวงและนครทั่วประเทศลาว นอกจากบทเรียนทางทฤษฎีเกี่ยวกับระบบการเมืองของเวียดนาม ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชน การจัดกิจกรรมให้แก่เยาวชนและยุวชน ทักษะการจัดการสนทนาและฟอรั่มแล้ว ผู้ที่เข้าร่วมชั้นเรียนนี้ยังได้ทดลองปฏิบัติบทเรียนเหล่านี้ในชั้นเรียนด้วย สำหรับนาย ลอนคำ สุมะวง รองเลขาธิการกองเยาวชนแขวงหัวพันได้เผยว่า การเรียนและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแนวทางและนโยบายสำหรับเยาวชนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้“ผมเห็นพ้องกันว่า การให้การศึกษาทางการเมืองให้แก่เยาวชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเกาะติดแนวทางนโยบาย เยาวชนก็จะปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและตามกฎหมาย 2คือการฝึกสอนอาชีพให้แก่เยาวชน เพราะก็มีงานทำก็จะมีรายได้ที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ถ้าหากสังคมไหนมีเยาวชนจำนวนมากว่างงาน สังคมนั้นก็จะมีภัยสังคมเยอะ”
นับตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปัจจุบัน กองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์ส่วนกลางได้จัดการฝึกอบรม 23 ครั้งให้แก่เจ้าหน้าที่กองเยาวชนของลาวเกือบ 800 คน นอกจากนั้น จังหวัดที่มีเส้นแบ่งพรมแดนติดกันของทั้งสองฝ่าย เช่น เหงะอาน ห่าติ๋ง เซินลากับแขวงหัวพัน จังหวัดเหงะอานกับแขวงเซียงขวาง กอนตุมกับอัตปือได้สร้างความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรและแลกเปลี่ยนคณะเยาวชนระดับจังหวัดทุกปีเพื่อศึกษา เรียนรู้ประสบการณ์ เยาวชนหลายคน โดยเฉพาะเยาวชนของแขวงหัวพันได้รับทุนการศึกษาของจังหวัดห่าติ๋งเพื่อเรียนอาชีพที่มหาวิทยาลัยห่งบ่าง จังหวัดห่าติ๋งและเมื่อเดินทางกลับประเทศก็สร้างฐานะด้วยอาชีพที่เรียนจากเวียดนาม นาย ฟานมิงท้าย สมาชิกคณะบริหารพรรคสาขา คณะบดีสาขาวิชางานด้านยุวชนของสถาบันเยาวชนและยุวชนเวียดนาม และหัวหน้าคณะกรรมการจัดการฝึกอบรมได้เผยว่า“หลักสูตรการเรียนการสอนมีข้อใหม่หลายข้อเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โดยเฉพาะเพื่อตอบสนองความปรารถนาของการฝึกอบรมครั้งก่อน ปีนี้ พวกเราได้เชิญเจ้าหน้าที่ของกรมลงทุนมาพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนระหว่างเวียดนามกับลาว ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมชั้นเรียนให้ความสนใจมาก”
ครูอาจารย์ที่เข้าร่วมการสอนล้วนเป็นคณะบดีและรองคณะบดีของสถาบันเยาวชนและยุวชนเวียดนาม นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงและหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม และมีการฝึกภาคปฏิบัติ ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมชั้นเรียน รวมทั้งนาย บุญฮอง เฟตวีไซ เลขาธิการกองเยาวชนประชาชนการปฏิวัติลาวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก“เมื่อเรียนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมให้แก่เด็กๆ หลังจากเรียนทางทฤษฎีแล้ว พวกเรายังแบ่งกลุ่มกันและมีเวลา 30 นาทีเพื่อเตรียมการนำเสนอในชั้นเรียน ซึ่งทำให้พวกเราจำเนื้อหาและบทเรียนได้ง่ายขึ้น เช่นการฟ้อนรำที่มีคนเข้าร่วมตามที่ครูสอนในชั้นเรียนก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก”
นอกจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับกองเยาวชนของกลุ่มบริษัทไปรษณีย์โทรคมนาคมเวียดนามแล้ว ผู้เข้าร่วมชั้นเรียนยังมีโอกาสเดินทางไปเยือนเขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์บางแห่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง นาย ลอนคำ สุมะวง รองเลขาธิการกองเยาวชนแขวงหัวพันได้แสดงความเห็นว่า การได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนเขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์เตินจ่าว-เตวียนกวาง ซึ่งถือเป็น “ฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติ” ในช่วงต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสคือกิจกรรมเพื่อให้การศึกษาเกียรติประวัติแห่งการปฏิวัติที่จำเป็น“การได้เห็นด้วยตามเองถึงสถานที่ที่ประธานโฮจิมินห์ ประธาน ไกสอนพมวิหารและประธานสุภานุวงศ์ ใช้อาศัยและเคลื่อนไหวปฏิวัติ พวกเราก็เห็นถึงความลำบากของบรรดาผู้นำเพื่อชี้นำประชาชนทำการสู้รบกู้ชาติ นี่ก็คือวิธีการเพื่อให้การศึกษาเกียรติประวัติที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้เยาวชนของทั้งสองประเทศให้ความเคารพ ทำนุบำรุงและพัฒนาความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองฝ่าย”
คาดว่า ในปี 2017 นอกจากชั้นเรียนฝึกอบรมสมัยที่ 24 แล้วก็ยังมีการจัดชั้นเรียน 2 ครั้งให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองเยาวชนลาว หวังว่า เจ้าหน้าที่กองเยาวชนของลาวจะใช้บทเรียนและประสบการณ์จากชั้นเรียนให้เกิดประโยชน์สถานการณ์ที่เป็นจริง เพื่อให้งานด้านเยาวชนและยุวชนของลาวพัฒนามากขึ้น.